บพท.ชี้ คลัสเตอร์ธุรกิจชุมชนร่วม เป็นภูมิคุ้มกันเศรษฐกิจ และเป็นทางออกเศรษฐกิจของประเทศ
บพท.ชี้ คลัสเตอร์ธุรกิจชุมชนร่วม เป็นภูมิคุ้มกันเศรษฐกิจ และเป็นทางออกเศรษฐกิจของประเทศ
ดร.กิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการกองทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ และวิจัยนวตกรรม(อว.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการตรวจเยี่ยมกิจกรรมของโครงการสร้างเครือข่ายธุรกิจชุมชนร่วม(Cluster) เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ที่ร่วมจัดนิทรรศการแสดงผลิตภัณฑ์ฮาลาล และความสำเร็จการนำงานวิจัยสู่การตลาด ในงานMega Bangkok Halal 2025 ที่ศูนย์การประชุมไบเทค บางนา จังหวัดสมุทรปราการ เกี่ยวกับความสำเร็จที่เห็นเป็นรูปธรรมของโครงการที่ บพท.สนับสนุนว่า
ปัจจุบันพบว่า ความเสื่อมถอยของเศรษฐกิจมาตรการการกีดกันทางการค้ามาตรการภาษีจะทำให้การส่งออกนำเข้าสินค้าของประเทศไทยหยุดชะงักมีการค้นพบว่าแหล่งรวบรวมแหล่งที่จะสร้างงานสร้างเศรษฐกิจสร้างกรอบคุ้มภัยให้กับประเทศไทยที่ดีที่สุดคือเศรษฐกิจชุมชน เศรษฐกิจพื้นที่ดังนั้นการพัฒนาเศรษฐกิจมีความจำเป็นต้องทำผ่านธุรกิจชุมชน ซึ่งธุรกิจชุมชนในประเทศไทยมีรายเล็กรายน้อยจำนวนมากจากฐานข้อมูลของSMEsประเทศไทยและกลุ่มอาชีพอย่างไม่เป็นทางการคาดการณ์มีประมาณ 3,300,000 กลุ่มในจำนวนนี้ประมาณ 70-80% เป็นรายเล็กกลุ่มนี้จะใช้ทรัพยากรพื้นถิ่นอัตลักษณ์พื้นถิ่นในการผลิตมีการส่งเสริมการผลิตการส่งเสริมการตลาดของภาครัฐภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องอย่างดี
แต่อย่างไรก็ตามค้นพบว่าในรายเล็กทั้งหมดใน 100% มีประมาณ 80% ยืนต้นตายหมายถึงขายได้แต่ไปไม่รอด เหตุเพราะไม่มีความรู้ในการบริหารจัดการต้นทุนและศักยภาพในการมองตลาดใหม่โดยเฉพาะการออกแบบสินค้าทั้งระบบรวมถึงห่วงโซ่ของระบบที่ผ่านมาหน่วยงานบพท.ได้ทำโครงการเพื่อฟื้นศักยภาพของเศรษฐกิจฐานราก เริ่มมาตั้งแต่ปี 2563 เรื่องแรกคือการบ่มเพาะศักยภาพของผู้ประกอบการชุมชนทำการวิเคราะห์ value chain ของสินค้าทั้ง 77 จังหวัดมีผู้ประกอบการที่อยู่ร่วมกับ บพท. จำนวน 20,000 กลุ่มในระยะเวลา 5 ปีมีการมีการสุ่มประเมิน380 กว่ากลุ่ม พบเป็นแหล่งจ้างงานชั้นดีมีการจ้างงานเดือนละหมื่นกว่าคนสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการ 200 กว่าล้านต่อเดือนอีก 70-80% เป็นรายได้ที่กระจายตัวอยู่ในพื้นที่เป็นเศรษฐกิจพื้นที่ถือว่าเป็นรูปธรรมที่เห็นชัดเจน

เราพบว่าโครงสร้างธุรกิจแบบชุมชนร่วมหรือคลัสเตอร์ มีการรวมและเชื่อมโยงธุรกิจรายย่อยในแต่ละประเภทอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง ปลายทาง ทำการมองตลาดใหม่โดย คุณสมประสงค์ พยัคฆพันธ์ รองประธานสมาพันธ์ SMEไทย เข้ามาช่วยเจรจากับตลาดใหม่ผู้ประกอบการรายใหม่จัดทำโครงสร้างของราคา ทำโครงสร้างต้นทุนราคาแบบคนกลาง โดยร่วมกับคณาจารย์นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยในพื้นที่ การออกแบบเชื่อมโยงการผลิตรวมถึงการส่งเสริมการผลิตในพื้นที่ ยกตัวอย่างที่เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนคือ“มะระขี้นก” ซึ่งเดิมมีการปลูกกระจัดกระจาย ในภาคอีสานมีการส่งต่อโรงงานเท่าที่หาได้ หลังจากคณะของคุณสมประสงค์ พยัคฆพันธ์ ในฐานะหัวหน้าโครงการสร้างเครือข่ายธุรกิจชุมชนร่วม(Cluster) เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ได้มีการมองตลาดใหญ่ทั้งตลาดผลิตภัณฑ์ของจีน และบริษัทเอกชนมาร่วมทุน มีการพัฒนา “สายพันธุ์มะระขี้นก สาเกต 101”

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





