Home
|
ไลฟ์สไตล์

เมื่อไฟในใจกำลังริบหรี่ เข้าใจภาวะหมดไฟ : Burnout Syndrome และวิธีฟื้นใจจากความเครียดในงาน

Featured Image

          ในช่วงชีวิตของคนทำงาน เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินคำว่า Burnout Syndrome หรือ ภาวะหมดไฟจากการทำงาน ผ่านหูมาบ้าง

ซึ่งภาวะหมดไฟที่ว่านั้นไม่ได้เกิดขึ้นแค่ความเหนื่อยธรรมดา ๆ แต่มันคือภาวะของความเหนื่อยล้าที่สะสมมาเรื่อย ๆ จากความเครียด ความกดดัน และความคาดหวัง จนทำให้ไฟในตัวเริ่มริบหรี่ลงโดยไม่รู้ตัว

และเพราะมันสามารถเกิดได้กับทุกคน ทุกช่วงวัย โดยเฉพาะในวัยทำงานที่แบกรับความรับผิดชอบหลากหลาย เราจึงอยากชวนคุณมาทำความรู้จักกับ “ภาวะหมดไฟ” กันสักหน่อย เพื่อที่คุณจะได้รู้เท่าทัน และกลับมาดูแลตัวเองให้ทันเวลาก่อนที่ไฟในใจจะดับลง

 

Burnout Syndrome คืออะไร?

          Burnout Syndrome หรือ ภาวะหมดไฟในการทำงาน คือภาวะของความเหนื่อยล้าทางอารมณ์และจิตใจที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจากความเครียดสะสมในที่ทำงาน จนทำให้รู้สึกท้อแท้ หมดพลัง ขาดแรงจูงใจ และไม่มีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่

อาการนี้อาจเป็นภัยเงียบที่เกิดขึ้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป จะส่งผลต่อทั้งร่างกาย จิตใจ และประสิทธิภาพในการทำงานอย่างเห็นได้ชัด

 

สาเหตุของภาวะหมดไฟมาจากอะไร?

          แม้หลายคนอาจมองว่าความเครียดในการทำงานเป็นเรื่องปกติ แต่หากไม่มีจังหวะได้พักหรือจัดการให้ดี ก็อาจกลายเป็นต้นตอของภาวะ Burnout Syndrome ได้ โดยสาเหตุหลัก ๆ ของภาวะนี้ได้แก่

  1. ภาระงานที่มากเกินไป
  2. สภาพแวดล้อมที่ตึงเครียด หรือขาดแรงสนับสนุนจากทีม
  3. ไม่ได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสม
  4. ความคาดหวังสูงจากตัวเอง ที่ต้องสมบูรณ์แบบตลอดเวลา
  5. ขาดสมดุลชีวิต (Work-Life Balance)
  6. ความรู้สึกส่วนตัวที่รู้สึกว่า “ตัวเราไม่มีตัวตน” หรือไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีม

 

อาการและผลกระทบเมื่อเราอยู่ในภาวะหมดไฟ

          หากคุณกำลังรู้สึกแบบนี้บ่อย ๆ อาจถึงเวลาที่ต้องเช็กตัวเองอย่างจริงจังว่า คุณกำลังเผชิญกับ Burnout Syndrome อยู่หรือเปล่า?

ด้านร่างกาย

  • รู้สึกเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย
  • นอนไม่หลับ หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ
  • ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • เครียดเรื้อรัง ภูมิคุ้มกันต่ำ

ด้านจิตใจ

  • รู้สึกเบื่อ ท้อแท้ หดหู่
  • ขาดแรงบันดาลใจ ไม่อยากทำงาน
  • ขาดสมาธิ ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง
  • รู้สึกว่าตัวเองไม่เก่งพอ
  • มองโลกในแง่ลบ อาจนำไปสู่การก่อให้เกิดภาวะซึมเศร้า

12 สัญญาณเตือนว่าไฟในใจของคุณ กำลังริบหรี่

  1. เหนื่อยล้าเรื้อรัง
  2. ปวดหัว ปวดท้อง คลื่นไส้โดยไม่มีสาเหตุชัดเจน
  3. อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย
  4. รู้สึกไม่กระตือรือร้น ไม่มีชีวิตชีวา
  5. เริ่มเบื่อหน่ายกับงานที่เคยทำ
  6. สมาธิลดลง ประสิทธิภาพการทำงานแย่ลง
  7. เริ่มมีการผัดวันประกันพรุ่งมากขึ้น
  8. มองโลกในแง่ลบ เริ่มแยกตัวออกจากคนรอบข้าง
  9. ขาดความมั่นใจในตัวเอง
  10. โทษคนอื่น แทนที่จะหาทางแก้ไข
  11. จัดการเวลาไม่ได้
  12. ไม่พอใจในผลงานของตัวเอง

 

วิธีรับมือกับภาวะหมดไฟ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

          ถ้ารู้ตัวแล้วว่าไฟในงานทำงานเริ่มดับ ลองเริ่มต้นจากวิธีง่าย ๆ เหล่านี้

  1. ปรับสมดุลชีวิต (Work-Life Balance)

ให้เวลากับตัวเองมากขึ้น ไปเที่ยว ออกกำลังกาย พักผ่อน หรือทำสิ่งที่ชอบบ้างในแต่ละวัน

  1. วางแผนและจัดลำดับงาน

ใช้เครื่องมือช่วยวางแผนงาน เช่น Monthly Planner เพื่อให้เห็นภาพรวมและลดความเครียดที่มาจากงาน

  1. เปิดใจและยอมรับ

ยอมรับในข้อจำกัดของตัวเอง กล้าขอความช่วยเหลือเมื่อรู้สึกว่าไม่ไหว  และปฏิเสธอย่างเหมาะสมเมื่อได้รับภาระงานที่มากเกินไป

  1. พักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับอย่างมีคุณภาพจะช่วยให้ทั้งร่างกายและจิตใจฟื้นตัวจากความเหนื่อยล้าได้

  1. ทำสิ่งใหม่ ๆ ให้ตัวเองได้เติมพลัง

ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้งานอดิเรกใหม่ ๆ การดูหนัง ฟังเพลง เล่นโยคะ หรือแช่ออนเซ็น ล้วนเป็นการให้พื้นที่กับใจตัวเอง ได้ฟื้นฟูและซ่อมแซมตัวเองมากขึ้น

  1. พูดคุยกับคนที่ไว้ใจ หรือขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ

บางครั้งการพูดออกมาแค่เล็กน้อย ก็ช่วยลดความเครียดที่เราสะสมอยู่ในใจออกมาได้ ทั้งยังอาจได้รับคำพูดและกำลังใจจากคนที่เรารักกลับมาอีกด้วย

 

           สุดท้ายอย่าลืมว่า สุขภาพใจก็สำคัญพอ ๆ กับงานที่เรากำลังทำอยู่ ให้เวลากับตัวเองสักนิด หันมาฟังเสียงข้างในใจบ้าง เพราะไม่มีใครดูแลคุณได้ดีเท่ากับตัวคุณเอง หมั่นเติมไฟในใจให้ตัวเองเสมอ และอย่าปล่อยให้ความเครียดจากงานเข้ามากัดกินจนทำให้เรารู้สึกเหนื่อยล้าจนเกินไป 💖✨

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

mentalhealth, phyathai3hospital, medparkhospital

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube