รวบแก๊งคอลฯ หลอกขายปุ๋ยยี่ห้อดัง เงินหมุนกว่า 5 ลบ.
บก.ปอท. เปิดปฏิบัติการร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกขายปุ๋ยยี่ห้อดังเพียงเดือนเดียว พบเงินหมุนเวียนกว่า 5 ล้านบาท
วันนี้ (19 มิ.ย 68) เวลา 11.00 น. อาคารประชาอารักษ์ (บก.ป.) พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท. นำแถลง รวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกขายปุ๋ยยี่ห้อดัง เพียงเดือนเดียว พบเงินหมุนเวียนมากกว่า 5 ล้านบาท จึงได้มีการจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 2 ราย คือนายแทน อายุ 50 ปี บุคคลไม่มี สัญชาติ และนางสาว หญิงแสงอรุณ อายุ 42 ปี เป็นบุคคลไม่มีสัญชาติ ซึ่งเป็นผู้ต้องหากระทำความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนร่วมกันทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนสมคบโดยการตกลงสองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันเป็นอั้งยี่
พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท.กล่าวว่า พฤติการณ์สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมากรวมตัวกันเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าถูกมิจฉาชีพหลอกให้ซื้อปุ๋ยยี่ห้อดังผ่านบัญชี Facebook ชื่อปุ๋ยตรามงกุฎราคาโรงงาน แต่หลังจากโอนเงินไปแล้วกลับไม่ได้รับสินค้าตามคำสั่งซื้อแต่อย่างใดพอทวงถามก็จะถูกแอดมินเพจดังกล่าวบล็อกแชททันที จึงได้ทำการสืบสวนจนพบว่ากลุ่มคนร้ายได้ร่วมกันใช้ Facebook ชื่อปุ๋ยตรามงกุฎราคาโรงงานมาขายปุ๋ย
โดยจะนำรูปภาพสินค้าปุ๋ยมาโพสต์ขายในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาดและในบางครั้งก็จะมีการสร้างแรงจูงใจด้วยการจัดโปรโมชั่นลด แลก แจก แถม จากการสืบสวนเพราะพวกคนร้ายมีการใช้บริการประกาศโฆษณาเพื่อให้ประชาชนทั่วไปพบเห็นได้ง่ายและหลงเชื่อจึงติดต่อซื้อปุ๋ยพร้อมทั้งโอนเงินให้กับกลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้ซึ่งสุดท้ายไม่มีการส่งสินค้าสินค้าจริงเบื้องต้นภายใน 1 เดือน พบยอดเงินหมุนเวียนรวมกันมากกว่าห้าล้านบาทและจากการตรวจสอบยังพบอีกว่ามีการแจ้งความในระบบแจ้งความหลายคดีมีพฤติกรรมสร้างเพจปลอมหลอกลวงขายสินค้าและบริการอื่นๆเช่น รองเท้า ที่พักรีสอร์ท ซิมโทรศัพท์ โทรศัพท์มือถือเป็นต้น
เบื้องต้นกลุ่มคนร้ายมีการยักย้ายถ่ายเทเงินไปยังบัญชีธนาคารต่างๆก่อนที่จะส่งต่อให้ผู้ต้องหา 2 ราย ทำหน้าที่ตระเวนถอนเงินเงินสดจากตู้ฝาก-ถอนเงิน อัตโนมัติอัต ภายในพื้นที่จังหวัดเชียงรายเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ ขอศาลออกหมายจับกลุ่มบุคคลที่ทำหน้าที่ถอนเงินสด 2 ราย พร้อมตรวจยึดของกลางเป็นโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆจำนวน 18 รายการพร้อมสมุดบัญชีธนาคารจำนวน 8 เล่ม บัตรอิเล็กทรอนิกส์ธนาคารต่างๆจำนวน 12 ใบเครื่องแต่งกายที่ใช้ในการถอนเงินสดสลิปการถอนเงินสด และทรัพย์สินมีค่าอื่นอื่นเช่น เงินสด ทองคำรูปพรรณ รวมมูลค่ากว่า 200,000 บาท
จากการสอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ให้การรับว่าเมื่อประมาณต้นปี 2568 ได้รู้จักกับหญิงชาวเมียนมาร์ซึ่งทำงานให้กับนายทุนชาวจีนที่ควบคุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ว่าจ้างให้ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ถอนเงินจากบัญชีธนาคารโดยให้ค่าตอบแทน 1% ของจำนวนเงินที่ถอนได้ โดยหญิงชาวเมนมาจะส่งบัตรเอทีเอ็มที่ใช้ในการถอนเงินสดมาให้ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย และทุกครั้งที่มีเงินเข้าบัญชีธนาคาร ชาวเมียนมาร์จะมาแจ้งให้ผู้ต้องหาดำเนินการถอนเงินสดซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ได้ตระเวนถอนเงินสดจากตู้เอทีเอ็มหลายแห่งในพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
เพื่อให้ยากต่อการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจและเมื่อกดเงินสดเสร็จจะนำเงินสดไปให้หญิงชาวเมียนมาร์ที่บริเวณชายแดนด่านแม่สายผู้ต้องหารับว่าในระยะเวลาประมาณหนึ่งเดือนได้ตะเวนถอนเงินสดไปแล้วประมาณ 1 ล้านบาท
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





