Home
|
ข่าว

นายกฯ คลิปเสียงคุย “ฮุนเซน” ของจริง ลั่นจากนี้ไม่คุยแล้ว

Featured Image
นายกฯ รับคลิปเสียงคุย “ฮุนเซน”ของจริง ลั่นจากนี้ไม่คุยแล้ว ปัดตอบตัดสัมพันธ์ 2 ตระกูล “แม่ทัพภาค 2” อยู่ฝ่ายตรงข้าม เป็นเทคนิคเจรจาหวังยุติปัญหา แฉพ่อนายกฯกัมพูชา อยากได้คะแนนนิยม ไม่สนใจความสัมพันธ์

 

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีชี้แจงถึงกรณีที่มีการปล่อยเสียงสนทนา ทางโทรศัพท์ระหว่างสมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยยอมรับว่าทเป็นคลิปเสียงจริงที่ได้มีการพูดคุยกัน ประมาณสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ทราบข้อมูลมาจากคนที่เป็นล่ามแปลภาษา ว่าทางกัมพูชา โดยเฉพาะสมเด็จฮุน เซน โกรธแม่ทัพภาค 2 ซึ่งตนก็เข้าใจ และชี้แจงว่า หลังจากการปะทะกัน ระหว่างไทยและกัมพูชา ถือว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามกัน

 

ก็มองการที่แม่ทัพภาค 2 พูดแบบนั้นขออย่าถือสา และพยายามทำความเข้าใจ ซึ่งถือเป็นเทคนิคการพูด เพื่อไม่ให้โกรธมากกว่านี้ ซึ่งการสนทนาในครั้งนี้เป็นการสนทนาแบบส่วนตัว และเป็นการคุยโทรศัพท์ มองว่าไม่ควรนำมาเปิดเผย ซึ่งตนมีจุดมุ่งหมาย ในการที่จะรักษาไว้ซึ่งความสงบของบ้านเมือง และรักษาอธิปไตย เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน จึงพูดคุยออกมาในลักษณะดังกล่าว

 

ซึ่งการพูดคุยกันส่วนตัว มีการเรียกลุง เรียกอากันเป็นปกติ เหมือนคณะรัฐมนตรี ที่ทำงานร่วมกันมาตั้งแต่สมัยนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี

 

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า ระหว่างที่พูดคุยกัน ทางกัมพูชาขอให้ไทยเปิดด่าน ซึ่งตนก็รับปาก และตกลงว่า จะมีการเปิดด่านพร้อมกัน เพื่อแสดงจุดยืนถึงสันติภาพ แต่ทางกัมพูชาไม่ยอม ตนจึงบอกว่าไทยยอมแล้ว ไม่ได้จะต่อสู้ เพื่อแสดงให้เห็นว่า เราไม่ได้ทำอะไร ทำไมจึงต้องมีการต่อรองให้ไทยเปิดก่อน แล้วเขารอ 5 ชั่วโมง จึงจะเปิดตาม ซึ่งทางฮุนเซน กล่าวว่า เขาเป็นลูกผู้ชาย คำไหนคำนั้นอยู่แล้ว ตนจึงขออนุญาตปรึกษากับทางกระทรวงกลาโหมก่อน

 

เนื่องจากมีการประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคงที่บ้านพิษณุโลก แต่การประชุมยังไม่เสร็จสิ้น ก็มีการโพสต์เฟซบุ๊ก ออกมาโพสต์ว่าหากไทยไม่ยกเลิกมาตรการเปิด-ปิดด่านทางกัมพูชาจะปิด ด่านทั้งหมด จึงเกิดคำถามว่า ทำไมไม่เหมือนที่คุยกัน ทั้งที่ตนพยายามที่จะพูดด้วยความใจเย็น เพราะอยากทราบจริงๆว่าเขาต้องการอะไร หรือจะคุยกันอย่างไรดีให้เกิดการต่อรอง และสันติภาพ ไม่เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ ซึ่งนี่คือความตั้งใจ

 

ตลอดการสนทนา สมเด็จฮุนเซน พยายามย้ำเรื่องการเปิดด่านเพียงเรื่องเดียว แต่ตนไม่กล้ารับปาก เพราะไม่แน่ใจว่า กองทัพมีความพร้อมหรือไม่

 

“แต่ตอนนี้ชัดเจนแล้วค่ะ ว่าความต้องการของท่านจริงๆแล้ว คือต้องการคะแนนนิยมในประเทศของท่านเอง โดยไม่สนใจว่าจะเกิดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างไร การที่ต้องการเป็นที่นิยมในประเทศของท่าน ท่านเคยบอกดิฉันว่าคะแนนนิยมเริ่มตก ก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ อยากจะเรียกพลังตรงนี้ ซึ่งดิฉันก็หวังว่าท่านจะได้คะแนนนิยมเพิ่ม และอยู่ในสายตาของโลก ที่จับตามองอยู่ว่า เมื่อผู้นำ 2 ท่านคุยกัน ในส่วนตัวแต่มีการอัดคลิป และปล่อยออกมาแบบนี้ ซึ่งแน่นอนว่าดิฉันไม่ได้ปล่อย ก็ตามนั้น และจะได้เข้าใจจุดประสงค์ว่า จริงๆเราตั้งใจเจรจาให้เกิดสันติภาพ ก็ไม่ทราบว่าจะเป็นหนึ่งในการ ทำให้คะแนนนิยมของท่านดีขึ้น ก็ไม่เป็นไปตามนั้น”

 

ส่วนที่มีการบอกว่าแม่ทัพภาค 2 เป็นฝั่งตรงข้าม นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ไม่ได้หมายถึงพวกเรา แต่หมายความว่าไทยกับกัมพูชา เมื่อเป็นฝั่งตรงข้ามกัน ก็ต้องพูดถึงกันไม่ดีอยู่แล้ว และพยายามจะทำความเข้าใจว่า สิ่งที่แม่ทัพภาค 2 พูด คือการพูดไปแบบนั้น

 

ส่วนที่สมเด็จฮุน เซนระบุว่า จะมีการปล่อยคลิปเสียงเต็มออกมา บอกว่าจะมีปัญหาอะไรตามมาหรือไม่ เพราะเหมือนเป็นการยุยงให้ประเทศรบกันเอง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็เป็นสิ่งที่ไม่อยากให้คนไทยไปหลงกลตรงนี้ ไม่ได้แสดงว่าเราทะเลาะกัน แต่ประโยคที่ตนพูด เพื่อทำความเข้าใจ และรับทราบความต้องการของเขา เพราะนายกรัฐมนตรีกัมพูชาพยายามจะพูดแค่เรื่อง การเปิดด่าน ซึ่งตนก็ฟังไม่ค่อยทัน เพราะมีล่ามแปลไปด้วย

รวมไปถึงประโยคที่บอกว่าไม่เปิด เพราะทหารโกหก พอได้ข้อมูลมาปนก็ไม่แน่ใจ เพราะไม่ได้เป็นคนที่อยู่ตรงนั้น จึงแจ้งให้ทราบว่า วันพรุ่งนี้จะมีการประชุม จึงขอปรึกษาทางกองทัพก่อน

 

ส่วนหลังจากนี้จะสามารถพูดคุยกันต่อได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี หัวเราะ พร้อมกล่าวว่าไม่ทราบ

 

ส่วนคำว่าสันติเจรจาจะยังใช้ได้ กับกัมพูชา อยู่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ความจริงแล้ว ตนไม่ใช่คนที่ไปท้าตีท้าต่อยอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีการพูดคุย

 

ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลฮุน กับตระกูลชินวัตร ถือว่าจบลงแล้วใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีหัวเราะ ก่อนกล่าวตอบว่าไม่ทราบ ว่าจะเป็นอย่างไร แต่ไม่ขอคุยส่วนตัวแล้ว เพราะจะมีปัญหาเรื่องของความไว้ใจ ส่วนจะต้องทำความเข้าใจกับแม่ทัพภาค 2 หรือไม่ เนื่องจากประโยคสนทนาของนายกรัฐมนตรี ทำให้เกิดความเข้าใจว่าเป็นคนละฝ่ายกับกองทัพ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า หากตน
เป็นฝ่ายตรงข้ามกับกองทัพจริง ทำไมจึงต้องแจ้งว่าขอรอกองทัพพิจารณาก่อน

 

แต่อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประโยคสนทนาแบบนี้ ไม่ควรจะออกมาแบบนี้ ยิ่งเป็นผู้นำ ระดับประเทศ ระหว่างนายกรัฐมนตรีกับอดีตนายกรัฐมนตรี ที่เป็นนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่อายุ 32 ปี และเป็นพ่อของนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน การนำออกมาเผยแพร่ก็เป็นแบบนั้น

 

ทั้งนี้ระหว่างที่นายกรัฐมนตรี แถลงชี้แจงกรณีดังกล่าว นายอนุทินชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินเข้าวงการแถลงข่าวในช่วงหลังด้วยสีหน้าบึ้งตึง และไม่มีการพูดคุยกันหลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้น

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube