Home
|
ข่าว

นายกฯ เปิดเดือนแห่งสุขภาพใจ-แนะคุณแม่รับฟังลูก

Featured Image
นายกฯ เปิดเดือนแห่งสุขภาพใจ ถ่ายทอดประสบการณ์ส่วนตัว แนะคุณแม่รับฟังลูก สร้างพื้นที่ปลอดภัยในครอบครัว

 

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานเดือนแห่งสุขภาพใจ “Mind Month” โดย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวรายงาน จากนั้น นายกฯ กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า วันนี้ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของงานในวันนี้ ความจริงแล้วสุขภาพจิต สุขภาพใจเป็นเรื่องที่สำคัญ แต่ถูกมองข้ามไป ตัวดิฉันเองให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะคิดว่าเรามีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงแล้ว ถ้าสุขภาพใจเราไม่แข็งแรงการที่จะทำเรื่องอะไรต่างๆเดินต่อไปในชีวิตเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก ถ้าใจเราไม่มีความสุข เราจะไม่มีจุดหมายที่จะทำต่อๆไปในชีวิต วันนี้ประทับใจมากที่ประเทศไทยเราได้หันมามุ่งเน้นในการช่วยน้องๆเด็กเล็กๆที่กำลังเป็นอนาคตของชาติในอีกไม่กี่ปีให้เขาได้เรียนรู้วิธีการดูแลจิตใจตัวเอง เพื่อดำเนินชีวิตไปได้อย่างราบรื่น

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า อย่างที่ทราบกันดิฉันมีลูกเล็กอยู่ 2 คน อยากสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กับเขาอย่างน้อยเราเป็นแม่ ไม่ว่าจะเป็นแม่มานานแค่ไหน หรือเพิ่งตั้งท้อง สิ่งสำคัญคือเราต้องให้เวลาและให้การรับฟังลูกของเรา ดิฉันเองงานยุ่งอาจจะไม่ได้มีเวลามาก เมื่อมีเวลาก็พยายามรับฟังเขาให้มาก และคอยพยายามสอนเขาในเรื่องที่เวลาเขาอยากจะเล่าอะไรให้เราฟัง ดิฉันก็ตั้งใจฟังว่าเด็กต้องการสื่ออะไร เขามีเรื่องอะไรในใจเป็นสิ่งที่สำคัญ ไม่ต้องเป็นเด็กก็ได้ เราเองเป็นผู้ใหญ่ทุกวันนี้ว่าเรามีปัญหา ถ้ามีคนรับฟัง และพร้อมที่จะเข้าใจเราทำให้รู้สึกว่ามีคนรับฟัง แน่นอนต่อไปในอนาคตเรื่องของสุขภาพกาย และสุขภาพใจต้องทำคู่กัน

 

“วันนี้เราต้องทำความเข้าใจกับประชาชนว่าเรื่องสุขภาพจิต สุขภาพใจ การเข้าพบแพทย์หรือการขอคำปรึกษาไม่ใช่เรื่องผิดหรือเรื่องแปลก ไม่ได้แปลว่าเราเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่มันแปลว่าเราเริ่มที่จะรู้ตัวว่าเราต้องดูแลตัวเองอย่างไร มันไม่ง่ายเหมือนอาหาร เรารู้กินอาหารไม่ครบ 5 หมู่ แต่บางทีเรื่องของจิตใจเราไม่ทราบว่าต้องดูแลอย่างไร ถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่เราสามารถทำให้เรื่องนี้ปกติมากขึ้น ให้เรามีทางออก เพราะในชีวิตแต่ละคนการตัดสินใจของแต่ละคนไม่ได้เหมือนกัน

 

เจอเรื่องมาไม่เหมือนกัน แต่ว่าถ้าเรามีทางออกที่พึ่ง สามารถฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ ฉะนั้นเรื่องของจิตใจ รัฐบาลสนับสนุนเรื่องนี้อย่างเต็มที่และผลักดันเรื่องนี้ให้เด็กๆ น้องๆ โตขึ้นไปยังแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ”

 

 

 

 

 

 

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ในวันนี้เรามีตัวเลขที่เราจะเน้นในเรื่องของระบบสาธารณ การส่งเสริมการดูแลและฟื้นฟูจะเห็นได้จากนโยบายสำคัญด้านสุขภาพจิตในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ ปีนี้ครอบคลุมคนไทยทุกช่วงวัย 13.5 ล้านคน โดยเฉพาะนโยบายสำคัญที่การจัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิต 37 แห่งภายในเดือนพ.ค.นี้และขยายไป 340 แห่งภายในสิ้นปีนี้ เพื่อให้ประชาชนกว่า 1 ล้านคนได้รับการศึกษาและดูแลก่อนที่จะมีการเจ็บป่วยทางใจ ฉะนั้นจิตใจที่เข้มแข็งมาจากครอบครัวที่เปิดใจรับฟังและเป็นพื้นที่ปลอดภัยทางอารมณ์ให้กันและกันซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก และถือเป็นจุดเริ่มต้นสังคมไทยที่พร้อมจะเดินไปด้วยกัน

 

จากนั้น นายกรัฐมนตรี ร่วมเสวนากับตัวแทนครอบครัวจากกลุ่มอาชีพต่างๆ โดยครอบครัวแรกเป็นอินฟลูเอนเซอร์คุณแม่ลูก 3 จากช่องติ๊กต๊อก สอบถามนายกฯว่า เมื่อมีคนติดตามเยอะ มีความคาดหวังและแรงกดดันมาถึงลูกๆ จะดูแลลูกๆอย่างไร โดยนายกฯ ตอบว่า เมื่อครอบครัวของเราเข้มแข็งเด็กๆไม่ได้สนใจกระแสสังคม เมื่อครอบครัวเข้มแข็งทำให้ลูกๆรู้สึกถึง ความปลอดภัยมั่นคงและเราควรคาดหวังในสิ่งที่เขาทำได้ เช่น หากลูกอายุ 2 ขวบก็คาดหวังสิ่งที่เขาจะทำได้ตามช่วงวัย และเมื่อเราเป็นคนสาธารณะคุณพ่อคุณแม่ต้องตั้งสติให้ชัดเป้าหมายที่เราวางไว้คืออะไร

 

ขณะที่ครอบครัวคู่รัก LGBTQIA+ พาลูกมาด้วย ได้ถามนายกฯว่า ยังมีสังคมบางส่วนที่ไม่ยอมรับครอบครัวเรา นายกฯจะให้คำแนะนำอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ความรักทุกรูปแบบเป็นเรื่องที่ดี บางคนโตมากับพ่อแม่ บางคนโตมากับคุณลุงคุณป้า หากได้ความรักที่ดีทุกคนจะเข้มแข็งและเป็นคนที่ดีของสังคมได้ เพราะมนุษย์ต้องการความมั่นคง เมื่อทั้งสองรักกันก็จะทราบว่าความรักนั้น จริงหรือไม่ มีคุณค่ามีความหมายมากน้อยแค่ไหน อย่างตนเมื่อถึงวันหนึ่งหากลูกเลือกทางอะไรก็แล้วแต่ที่เขามีความสุข และเมื่อเจอปัญหาแล้วไม่จมกับเรื่องนั้น สามารถก้าวเดินต่อไปได้ ตนจะถือว่าเป็นเรื่องที่เก่งมาก

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube