Home
|
คลิปข่าวทั่วไป

3 คดียาเสพติด-ศาลยกฟ้อง! ตู้ห่าว-ตุนมินลัต-เบนซ์เรซซิ่ง

 

 

 

 

กลับมาอยู่ในความสนในของสาธารณะชนอีกครั้งสำหรับคดีตู้ห่าว และ”ผับจินหลิง”ซึ่งศาลชั้นต้นยกฟ้อง นายตู้ห่าว และพวก รวม 19 คน จากจำเลยทั้งหมด 25 คน กรณีขยายผลตรวจค้น “ผับจินหลิง”ทำให้ถูกตั้งข้อหา 3 คดีหลัก คือ องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ,ยาเสพติด ,และฟอกเงิน โดยศาลชี้ว่า “พยานหลักฐานไม่เพียงพอ” ซึ่งถ้าย้อนกลับไปในห้วง5ปีที่ผ่านมา มี3คดีที่เกี่ยวพันกับยาเสพติด และมีตัวละครทีมีชื่อเสียง แต่ต่อมาศาลพิพากษายกฟ้อง

 

 

คดีแรก.ตู้ห่าว นักธุรกิจชาวจีน สัญชาติไทย มีชื่อเป็นผู้เช่าและดูแลผับจินหลิง ซึ่งเป็นสถานบริการให้เปิดให้คนจีนเข้ามาใช้ และการตรวจค้นของตำรวจเมื่อวันที่ 26 ต.ค.2565 ในผับพบชาวจีนมาใช้บริการหลายร้อยคนและที่สำคัญพบยาเสพติดจำนวนมาก จนเป็นที่มาของการขยายผล กลุ่มทุนจีน จากนั้นตำรวจขยายผลตรวจค้นบ้านพักหรูและบริษัทของนายตู้ห่าวอีกหลายจุด ยึดทรัพย์และดำเนินคดีคนใกล้ชิด ต่อมาตู้ห่าว มอบตัวและปฏิเสธข้อกล่าวหาเกี่ยวข้องยาเสพติด

 

 

ในขณะนั้น “ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์” แฉข้อมูลว่า “ตู้ห่าว” เป็นเจ้าของผับ และเป็น 1 ใน 5 กลุ่มทุนจีนสีเทา ซึ่งเขาอ้างว่า เป็นกลุ่มที่เข้ามาทำธุรกิจสีเทาในไทย ทั้งบ่อนการพนัน ผับ บาร์ ยาเสพติด และการฟอกเงิน ทำงานเชื่อมโยงเป็นเครือข่าย และมีความสัมพันธ์ถึงผู้มีอำนาจในประเทศ ต่อมาศาลพิพากษา ยกฟ้อง”ตู้ห่าว-ภรรยา” และพวกรวม 19 คน คดีอาชญากรข้ามชาติ ฟอกเงินและยาเสพติด ศาลชี้พยานหลักฐานโจทก์ ไม่มีน้ำหนักเพียงพอ

 

 

หลังคำพิพากษา บิ๊กโจ๊ก’ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร. เผยว่าตนซึ่งเคยทำคดีมาก่อนในช่วงแรก ได้เตือนพนักงานสอบสวนนครบาลไปแล้วว่า พยานหลักฐานที่มีอยู่ในสำนวนไม่เพียงพอที่จะเอาผิดตู้ห่าวได้ หากมีพยานหลักฐานเพียงแค่นี้ศาลจะยกฟ้องแน่ แต่ไม่มีใครเชื่อตน เมื่อศาลพิพากษาออกมา ก็เป็นไปตามที่ตนพูดไว้ ขณะที่ “ชูวิทย์” แฉเหตุ “ตู้ห่าว” หลุดคดี ตร.เก็บหลักฐานไม่ครบ-ปล่อยตัวการสำคัญ แจ้งข้อหาฟอกเงินล่าช้า เหมือนช่วยกันปกปิด

 

 

ต่อมา คดีที่ 2 คือ ตุน มิน ลัต คดีค้ายาเสพติด โดยคดีนี้พนักงานอัยการป็นโจทก์ฟ้อง ตุน มิน ลัต นักธุรกิจชาวเมียนมา และอีก4รายรวมเป็น 5รายในความผิดฐานร่วมกันสนับสนุนกันกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด มีลักษณะเป็นความผิดร้ายแรง องค์กรอาชญากรรม โดยพวกจำเลยทำหน้าที่ดูแลรับฝากเงิน ถอนเงิน โอนเงิน ซื้อขายยาเสพติดเข้าบัญชีของบริษัทฯ จำเลยที่ 5 ลักษณะปกปิดอำพรางซึ่งการได้มาของเงินจำนวนดังกล่าวโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติด
พวกจำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี ต่อมาศาลเบิกตัวจำเลยทั้งหมดจากเรือนจำมาฟังคำพิพากษา โดยศาลใช้เวลาอ่านคำพิพากษากว่า 3 ชั่วโมง โดยอ่านถึงประเด็นเรื่องเส้นทางการเงินอย่างละเอียด ทั้งนี้ ศาลพิจารณาแล้ว พยานหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักเพียงพอให้รับฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องทุกข้อหา และพยานหลักฐานฝ่ายจำเลยหักล้างได้ทั้งหมด พิพากษายกฟ้อง

 

 

ต่อมาคดีที่ 3.”เบนซ์ เรซซิ่ง”นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช ศาลฎีกา พิพากษายกฟ้อง คดีค้ายาเสพติดพยานหลักฐานไม่เพียงพอ คดีนี้อัยการโจทก์ยื่นฟ้องคดีเมื่อวันที่ 26 พ.ค.2560 ต่อมา ศาลอาญาพิพากษาชั้นต้น ในปี 2561 สั่งจำคุก เบนซ์ เรซซิ่ง 8 ปี ฐานร่วมกันฟอกเงิน และให้ยกฟ้องข้อหาสนับสนุนหรือช่วยเหลือหรือสมคบกันค้ายาเสพติด ทาง จำเลยยื่นอุทธรณ์ ขณะที่ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว พิพากษาแก้ให้เพิ่มโทษ นายเบนซ์ เรซซิ่ง

 

 

ในความผิดฐานสนับสนุนช่วยเหลือ หรือสมคบค้ายาเสพติด และฐานฟอกเงินจำคุกรวม 36 ปี 8 เดือน พร้อมโทษปรับ 3.3 ล้านบาท ส่วนจำเลยที่ 2-3 เหลือจำคุกคนละ 22 ปี 6 เดือน ปรับคนละ 400,000 บาทและทั้งหมด ยื่นต่อสู้คดีในชั้นฎีกาโดยเบนซ์ เรซซิ่ง ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างการพิจารณาคดี พร้อมเงื่อนไข สวมกำไล EM และห้ามเดินทางออกนอกประเทศต่อมาศาลฎีกายกฟ้อง “เบนซ์ เรซซิ่ง” ในข้อหาสมคบค้ายาเสพติด เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ ส่วนความผิดฟอกเงินในชั้นอุทธรณ์ เหลือจำคุกครบ 3 ปี 4 เดือน ซึ่งนายเบนซ์ อยู่ในเรือนจำครบจำนวนวันแล้ว จึงให้ปล่อยตัวออกจากเรือนจำ

 


 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube