fbpx
Home
|
ข่าว

“สุพัฒนพงษ์”ปัดรบ.ถังแตกยันไม่ขึ้นภาษีเป็น10%

Featured Image
“สุพัฒนพงษ์” ยืนยันรัฐบาลไม่ได้ถังแตก ย้ำ ยังไม่ปรับขึ้น ภาษี ในเร็วๆนี้ เพียงแต่ศึกษาไว้ก่อน

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงกระแสข่าว ว่า รัฐบาลถังแตก จนต้องมีการขึ้นการจัดเก็บ ภาษี มูลค่าเพิ่มจาก 7% เป็น 10%

โดยยืนยันว่า ขณะนี้ไม่มีสัญญาณใดๆ ว่า รัฐบาลถังแตก เพียงแต่ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้ (30มี.ค.64) มีการรายงานเรื่องความเสี่ยงทางการ ซึ่งเป็นรายงานประจำปีที่เป็นครบรอบวาระรายงานเพื่อทราบ ไม่ได้มีสาระสำคัญอะไรที่น่าเป็นห่วง ส่วนเรื่องข้อสังเกตเรื่องความเสี่ยงถือเป็นเรื่องปกติ เหมือนกับรายงานประจำปีของบริษัทมหาชนทั่วไป ที่ปรากฎถึงความเสี่ยงต่างๆ ในเรื่องการใช้เงินในช่วงวิกฤตโควิด-19 และพูดถึงรายได้ในการจัดเก็บภาษีในช่วงที่ผ่านมา

ซึ่งเป็นข้อเท็จจริง ว่า มีการจัดเก็บรายได้ลดน้อยลง เช่น เดียวกับประเทศอื่นๆ ซึ่งเชื่อว่าสถานการณ์เศรษฐกิจในปี 2564 จะมีการฟื้นฟู โดยในรายงานมีการประเมินความเสี่ยงที่คิดเป็นตัวเลข 2.47 ถือเป็นระดับความเสี่ยง ไม่สูงมาก และเชื่อว่าในอีก 2 ปีสถานการณ์ความเสี่ยง ในเรื่องวิกฤตการเงินการคลังของประเทศไทย จะไม่มีเกิดขึ้น ตนไม่เข้าใจว่ามีความกังวลในเรื่องนี้เกิดขึ้น

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวถึงการปรับขึ้นการจัดเก็บภาษี เป็น 10 % ว่า ยืนยันว่า ในระยะเวลา 2 ปี เรื่องขึ้นภาษีในเร็วๆนี้ยังไม่มี และไม่ได้มีการพูด ไม่มีข้อเสนอแนะใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแต่ที่ประชุม ครม. เป็นห่วง คือ จำนวนประชาชนที่มีอยู่ในระบบภาษียังมีจำนวนน้อย จึงอยากให้กระทรวงการคลังไปศึกษาโครงสร้างระบบภาษีให้ประชาชนเข้ามาอยู่ในระบบภาษีมากขึ้น

และรู้ว่าจะได้รับสิทธิประโยชน์ ช่วยเหลือประเทศ และเงินเหล่านั้นกลับมาทำประโยชน์อย่างไร ซึ่งตนก็ยังแปลกใจที่มีข่าวเรื่องขึ้นภาษีและรัฐบาลถังแตกออกมา ซึ่งไม่มีสัญญาณใดๆทั้งสิ้น

ขณะเดียวกัน นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ในการหาเงินเข้าประเทศไทยจะต้องมีการปรับตัวอุตสากรรมใหม่ 4 ประเภทที่จะเป็นโอกาสเชิญชวนนักลงทุนมาลงทุนในประเทศ และจะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัว จากการรับนักท่องเที่ยว ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ ที่จะทำให้จีดีพีของประเทศเพิ่มขึ้น

โดยจะเป็นอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าแทนรถน้ำมัน ซึ่งตั้งเป้าว่า ในปี 2573 -2578 ประเทศจะเลิกใช้รถประเภทน้ำมัน โดยจะใช้รถไฟฟ้าแทน, อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ที่จะปรับเปลี่ยนเป็นอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ, เมดิคอลฮับ ที่ไทยเก่งในเรื่องการรักษาพยาบาล แต่ยังไม่สามารถผลิตยาได้ จึงต้องทำให้เป็นศูนย์กลาง และอุตสาหกรรมดิจิตอล ที่ไทยเพิ่งเริ่มโดยจะต้องเชิญชวนนักลงทุนเข้ามาลงทุน

 

สุพัฒนพงษ์-31-3-64- ภาษี 2
รองนายกฯสุพัฒนพงษ์ เผย เตรียมดึงต่างชาติลงทุนไทย 4 อุตสาหกรรม ชี้ ยังคงตั้งเป้า จีดีพี ปีนี้ไว้ที่ร้อยละ 4

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในขณะนี้รัฐบาลมีแผนดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น จาก 4 อุตสาหกรรมใหม่ เพื่อเป็นส่วนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัว

ประกอบด้วยอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่นับเป็นตัวช่วยทำให้จีดีพีเพิ่มขึ้น จะมุ่งเน้นอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าแทนรถน้ำมัน พร้อมตั้งเป้าในปี 2573 – 2578 จะสามารถยกเลิกการใช้รถประเภทน้ำมัน อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ มุ่งปรับเปลี่ยนเป็นอิเล็กทรอนิกส์อัฉริยะ อุตสาหกรรมทางการแพทย์ มุ่งส่งเสริมเป็นเมดิคอลฮับของภูมิภาค และอุตสาหกรรมดิจิทัล ที่ไทยมีความพร้อมกว่าหลายประเทศในภูมิภาค

โดยจะต้องเชิญชวนนักลงทุนเข้ามาลงทุน เพื่อผลักดันเป็นดิจิทัลฮับ ในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มอีได้ โดยสิ่งสำคัญที่จะต้องเร่งดำเนินการในขณะนี้คือปฎิบัติการเชิงรุก เตรียมความพร้อมของบุคลากรไทยเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้จาก 4 อุตสาหกรรมดังกล่าวให้เกิดการต่อยอด

นอกจากนี้ ในปีนี้หลังจากที่ไทยมีการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเป้าหมายบ้างแล้ว รัฐบาลอยู่ระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจและประคับประคองเศรษฐกิจต่อไป ซึ่งยังคงตั้งเป้าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ปีนี้ไว้ที่ร้อยละ 4

 

ชนินทร์-รุ่งธนเกียรติ-31-3-64 ภาษี

“ชนินทร์” ซัดรัฐบาลขึ้นภาษีซ้ำเติมประชาชน ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ

นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา ที่ให้มีการศึกษาขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เพื่อช่วยพยุงสถานการณ์ทางการคลังของรัฐ ที่ไม่สามารถจัดเก็บรายได้ได้ตามเป้า แต่มีความจำเป็นต้องใช้เงินเยียวยาประชาชน จากผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ว่า ถือเป็นกระบวนการคิดของรัฐที่รังแกประชาชน

นอกจากจะหารายได้ไม่เป็นแล้ว ยังขูดรีดคนจนที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก การขึ้นภาษีแวตตามกรอบกฎหมาย สามารถปรับได้สูงสุดถึง 10% จากที่ปัจจุบันจัดเก็บอยู่ที่ 7% แต่ตามหลักการแล้วการขึ้นภาษีจะทำได้ก็ต่อเมื่อ เศรษฐกิจเติบโต ในหลายรัฐบาลที่ผ่านมา แม้จะมีโอกาสในการปรับขึ้นภาษีได้ตามกรอบของกฎหมาย

แต่เลือกที่จะไม่ปรับขึ้นภาษี เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน จากผลกระทบทางเศรษฐกิจในช่วงนั้น ในทางตรงกันข้ามรัฐบาลชุดนี้ ยังไม่สามารถจัดเก็บภาษีคนรวยได้ อย่างภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง กลับได้รับการขยายระยะเวลาการลดอัตรา การเก็บ 90% ต่อเนื่องจากปี 2563 ไปถึงรอบปี 2564 ไปอีก 1 ปี แสดงว่ารัฐบาลชุดนี้ถนัดแต่รังแกคนจน อุ้มชูนายทุน

การขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ซ้ำเติมคนจนซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศให้ยิ่งจน และมีชีวิตอยู่ได้ด้วยการรอการเยียวยาจากรัฐ ผมว่าหนักกว่าวิกฤตเศรษฐกิจคือวิกฤตผู้นำประเทศที่ทำได้แต่รังแกประชาชน

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube