“รอยเลื่อนสะกาย” แผลงฤทธิ์ระดับ 4 ในอนาคต
อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี ชี้ “รอยเลื่อนสะกาย” แผลงฤทธิ์ระดับ 4 ในอนาคต ผู้เชี่ยวชาญยันอาคารสร้างหลังปี 50 ไม่น่าห่วง หากสร้างถูกต้องตามมาตรฐานหลักวิศวะกรรม
วันนี้(20 มิ.ย. 66) ดร.อรนุช หล่อเพ็ญศรี อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี พร้อมด้วย ดร. ชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา นายธนิต ใจสะอาด ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวะกรรม และ สุวิทย์ โคสุวรรณ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านทางการบริหารจัดการทรัพยากรธรณี ร่วมกันแถลงข่าวในหัวข้อ “แผ่นดินไหว 6.0 ในทะเลอันดามัน ผลกระทบกับประเทศไทย และตึกสูง กทม.”
ดร.อรนุช อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กล่าวว่า ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีการมุดตัวของแผ่นทวีป ซึ่งก่อให้เกิดรอยเลื่อนทั้งในประเทศไทยและเมียนมา ซึ่งเมียนมามีรอยเลื่อนที่เด่นมาก คือ “รอยเลื่อนสะกาย” ที่มีประวัติเกิดแผ่นดินไหวอยู่บ่อยครั้ง สําหรับรอยเลื่อนในประเทศไทยนั้นมีที่ภาคเหนือและภาคตะวันตกยาวลงไปถึงภาคใต้ รวม 26 รอยเลื่อน
โดยขณะนี้กรมทรัพยากรธรณีร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา ซึ่งเรามีสถานีบันทึกความรุนแรงเหตุแผ่นดินไหว โดยกรมอุตุฯเป็นผู้นําในการแจ้งเตือนไปยังประชาชนเมื่อเกิดเหตุและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันทํางาน อาทิ กรมโยธาธิการฯ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยฯ
ด้านดร. ชมภารี อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า วานนี้ 19 มิ.ย.หลังจากที่กรมอุตุฯ ได้รับสัญญาณของคลื่นทางกรมอุตุฯ มีการวัดขนาดของคลื่นพบว่าอยู่ที่ 6.0 ลึก 10 กม. บริเวณนอกชายฝั่งตอนใต้ของประเทศเมียนมา ซึ่งส่งผลกระทบให้ประชาชนรู้สึกสั่นไหวได้ในพื้นที่กรุงเทพ – นนทบุรี
เนื่องจากตั้งอยู่บนพื้นดินอ่อน นอกจากนี้หลังเกิดเหตุทางกรมอุตุฯ ได้เฝ้าระวังจนล่าสุดเมื่อเวลา 9.00 น. ที่ผ่านมาพบอาฟเตอร์ช็อกจํานวน 8 ครั้ง วัดได้ 3.0-3.9 จํานวน 3 ครั้ง และ 4.0-4.9 จํานวน 5 ครั้ง ซึ่งการทํางานของกรมอุตุฯ จะรับขอมูลแบบเรียลไทม์โดยมีโปรแกรมวิเคราะห์เหตุแผ่นดินไหว ซึ่งหลังทราบเหตุจะมีการแจ้งเตือนไม่เกิน 15 นาที ซึ่งวานนี้เราก็แจ้งให้ประชาชนทราบภายใน 13 นาที ส่วนคลื่นสึนามิยังไม่มีการตรวจพบ
โดย ดร.อรนุช กล่าวเพิ่มว่า รอยเลื่อนสะกายเป็นเหมือนพี่ใหญ่ในภูมิภาคเอเชียตะงันออกเฉียงใต้ แต่ขอยืนยันว่าแผ่นดินไหววานนี้ไม่ส่งผลต่อการเกิดคลื่นสึนามิ เนื่องจากสึนามิเกิดจากแผ่นเปลือกโลกเคลื่อนที่แนวดิ่ง หรือภูเขาไฟปะทุใต้ทะเล ดินถล่มใต้ทะเล แต่วานนี้เป็นเพียงการเสียดสีด้านข้างนั้น จะไม่ก่อให้เกิดสึนามิแม้จะมีความรุนแรงก็ตาม และคาดว่ารอยเลื่อนสะกายอาจแผลงฤทธิ์ ในอนาคต
ซึ่งส่งผลกระทบต่อ กทม. ในระดับ 4 แต่ในส่วนนี้ทางกรมโยธาธิการฯมีการจํากัดความเสี่ยงตรงนี้เอาไว้หมดแล้วจึงไม่น่ามีปัญหา อย่างไรก็ตามการแจ้งเหตุแผ่นดินไหวไม่สามารถเตือนเป็นอาทิตย์หรือชั่วโมงเหมือนนํ้าท่วมหรือฝนตกได้ เราจะรู้ก่อนเกิดเหตุเพียง 10 วินาทีเท่านั้น
ขณะที่นายธนิต ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวะกรรม ระบุว่า เรามีกฎกระทรวงฯ ตั้งแต่ปี 2540 ใช้บังคับพื้นที่ภาคเหนือ ภาคคะวันตก ที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ได้รับผลกระทบแผ่นดินไหวอยู่บ่อยครั้ง ต่อมาทราบว่าส่งผลต่อ กทม. ที่เป็นพื้นที่ดินเหนี่ยวค่อนข้างหนามากและมีอาคารได้รับผลกระทบระยะไกล ทําให้ปี 2550 บังคับใช้กฎกระทรวงฯ จากเดิม 10 จังหวัดเป็น 22 จังหวัด จนล่าสุดปี 2564 แก้ไขเพิ่มเป็น 43 จังหวัดทั่วประเทศ
ซึ่งจะเห็นได้ว่าอาคารทั่วไปและอาคารสูงใน กทม. นั้น ส่วนใหญ่สร้างขึ้นหลังปี 2550 ดังนั้นจึงมีการก่อสร้างที่ถูกต้องตามหลักวิศวะและรองรับเหตุแผ่นดินไหวอยู่แล้ว ซึ่งไม่น่าเป็นห่วง ส่วนอาคารเก่าที่สร้างก่อนปี 2540 อาจไม่ได้รองรับเหตุแผ่นดินไหว เจ้าของอาคารสามารถยื่นขอเสริมโครงสร้างรองรับแผ่นดินไหวเพิ่มเติมได้ ซึ่งในส่วนนี้กฎหมายเปิดช่องทางการขออนุญาตให้กับอาคารเก่าเหล่านี้ และขอยืนยันว่าอาคารที่สร้างตามหลักวิศวะและได้มาตรฐานนั้นไม่ต้องกังวลแต่อย่างใด
ทั้งนี้อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี แนะวิธีปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหวด้วยว่า ให้หลบใต้โต๊ะและหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้เฟอร์นิเจอร์ที่อาจจะตกหรือล้มลงได้ เช่น โคมไฟ ลิ้นชัก และยังไม่ต้องเคลื่อนที่ไปไหนรอให้เหตุสงบก่อนค่อยอพยพ ด้านอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวเพิ่มว่า อนาคตรอยเลื่อนสะกายอาจแผลงฤทธิ์ ซึ่งทางกรมอุตุฯจะแจ้งเตือนให้เร็วกว่าเดิม เพื่อไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนกและสามารถปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





