Home
|
ข่าว

“นิกร” บอก “พล.อ.สมเจตน์” ยื่นศาลตีความพ.ร.บ.เป็นสิทธิ

Featured Image
“นิกร” บอก “พล.อ.สมเจตน์” ยื่นศาลตีความพ.ร.บ.พรรคการเมืองเป็นสิทธิ แต่แจงยิบทุกปม ยัน ไม่มีข้อความใดขัด รธน.

 

 

นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา และอดีตเลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณี พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สมาชิกวุฒิสภา พร้อมส.ว.รวม 77 คน ยื่นขอให้ประธานรัฐสภา ส่งร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

 

 

โดยเห็นว่ามีข้อความขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 145 , 148(1) ประกอบข้อบังคับการประชุมรัฐสภาพ.ศ. 2563 ข้อ 104 ว่า เป็นการใช้สิทธิตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่ง และที่สำคัญพล.อ.สมเจตน์ เป็นอดีตประธานคณะกรรมาธิการพิจารณากฏหมายพรรคการเมืองเดิมที่ใช้อยู่ปัจจุบันแล้วได้ถูกปรับปรุงแก้ไขในครั้งนี้จึงถือเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องปกป้องกฏหมายที่ พล.อ.สมเจตน์รับผิดชอบได้อย่างชอบธรรม

 

 

ส่วนตนในฐานะอดีตเลขานุการคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างแก้ไขกฏหมายฉบับใหม่นี้ ก็มีสิทธิอันชอบธรรมเช่นกันที่จะชี้แจง โดยร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ที่ผ่านการพิจารณาทั้งของที่ประชุมเสียงข้างมากของรัฐสภาและที่ประชุมเสียงข้างมากของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นั้น ไม่มีข้อความใดขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด

 

 

สำหรับประเด็นการแก้ไขค่าธรรมเนียมและค่าบำรุงพรรคการเมืองทั้งประเภทรายปีจากหนึ่งร้อยบาทเป็นยี่สิบบาท และประเภทตลอดชีวิตจากสองพันบาทเป็นสองร้อยบาทนั้น เป็นการยังคงยืนยันหลักการในการเก็บค่าใช้จ่ายจากสมาชิกพรรคไว้ไม่ได้ตัดออกไปเลย เพียงแต่ได้ลดอัตราลงเพื่อไม่ให้เป็นภาระกับประชาชนที่มีรายได้น้อยและที่สำคัญจะเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนสมัครเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคการเมืองต่างๆ มากขึ้น จึงไม่ขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด ในส่วนประเด็นการแก้ไขเรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของสมาชิกพรรคการเมืองนั้น

 

 

เป็นการแก้ไขเพื่อการผ่อนคลายให้สิทธิเสรีภาพแก่ประชาชนในการเข้าเป็นสมาชิกพรรคการเมืองจากเดิมที่กำหนดคุณสมบัติต้องห้ามไว้สูงเท่ากับการเป็นเข้าเป็นรัฐมนตรีหรือเป็นสมาชิกรัฐสภาซึ่งมากเกินไปสำหรับประชาชนทั่วไป โดยแก้ไขเพียงยินยอมให้ประชาชนผู้ที่เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่าเป็นผู้ทำความผิดฐานทุจริตในเรื่องต่างๆ ที่บัญญัติไว้หากไม่ถึงขั้นถูกจำคุกก็สามารถสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองได้ แต่ทั้งนี้ต้องที่มิใช่เป็นความผิดร้ายแรงอื่นที่ยังคงเอาไว้ตามเดิม

 

 

ดังนั้น ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง  ที่ผ่านการพิจารณาทั้งของที่ประชุมเสียงข้างมากของรัฐสภาและที่ประชุมเสียงข้างมากของ กกต.ไม่มีข้อความใดขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ยังคงหลักการในเรื่องสิทธิของสมาชิกพรรคการเมืองในการมีส่วนร่วมในการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง และยังคงหลักการในเรื่องการเปิดโอกาสให้สมาชิกมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางในการกำหนดนโยบาย และการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งตามบทบัญญัติมาตรา 45 ของรัฐธรรมนูญ

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube