“สัณหพจน์” ชี้นิรโทษกรรมเครือญาติเลวร้ายกว่าปฏิวัติ
ส.ส.นครศรีฯ ชี้ การออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้เครือญาติ ยึดอำนาจทางการเมือง ทุจริตโกงกินแบบครอบครัว แอบอ้างประชาธิปไตยเพื่อการคอรัปชั่น เป็นสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าการปฏิวัติ
นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 2 (อ.ปากพนัง หัวไทร เชียรใหญ่) พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่มีการโจมตีถึงความไม่เหมาะสมในพฤติกรรมของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนากยรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กรณีการชี้แจงการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพล.อ.ประวิตร เรื่องการปฏิวัติ ว่า
ต้องยอมรับว่าการปฏิวัตินั้นเป็นสิ่งที่เลวร้ายต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยจริง แต่หากการปฏิวัตินั้นมีเหตุผลเพื่อทำให้ระบอบประชาธิปไตยของประเทศเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นในยุคที่มีการโกงกินทุจริตคอรัปชั่นในบ้านเมืองเฟื่องฟูก็จำเป็นที่จะต้องทำเพื่อลดปัญหาความเหลื่อมล้ำของสังคม รวยกระจุกจนกระจาย ส่งผลให้พี่น้องประชาชนไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้
ทั้งนี้ หากย้อนกลับไปในปี 2557 เป็นยุคที่ประชาธิปไตยในประเทศไทยเริ่มเกิดการสั่นคลอน ประชาชนไม่พอใจในรัฐบาลซึ่งเกี่ยวข้องกับการทุจริต คอรัปชั่นในการบริหารประเทศเพื่อเอื้อต่อพวกพ้องของตนเอง ออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพียงเพื่อให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งพ้นผิด และการกินรวบอำนาจทางการเมืองของเครือญาติเพียงครอบครัวเดียว ส่งผลให้เกิดการชุมนุมทางการเมืองและส่งผลกระทบต่อเนื่องของประเทศในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา
สำหรับการที่บุคคลออกมากล่าวถึงเรื่องดังกล่าว ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ภาคภูมิใจต่อการปฏิวัติดังกล่าว ทั้งที่บุคคลดังกล่าวเป็นอดีตรัฐมนตรีในรัฐบาลที่แอบอ้าง “ประชาธิปไตย” เพื่อการทุจริตคอรัปชั่นเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้องของตนเอง ซึ่งผมไม่เห็นด้วยกับการกระทำนี้ที่เลวร้ายกว่า “การปฏิวัติ”
วันนี้บุคคลซึ่งเพิ่งพ้นโทษจำคุกจากคดีการเมือง ได้เคยเอ่ยถึงการเผาบ้านเผาเมืองในการชุมนุม แล้วบอกตนเองจะรับผิดชอบ โดยนักการเมืองต้องรับผิดชอบต่อคำพูดของตัวเอง ไม่ใช่นักโต้วาที ที่พูดส่งเดชไปวันๆ แล้วไม่ต้องรับผิดชอบ และผมยังไม่เห็นการออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อความเสียหายของบ้านเมืองในครั้งนั้นเลย กับอดีตข้าราชการซึ่งเป็นผู้สมัคร ส.ส.สอบตก ออกว่ากล่าวหาถึงความเลวร้ายของการปฏิวัติ
ทั้งนี้ อยากให้ย้อนมองกลับไปถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นที่รัฐบาลบริหารประเทศกินรวบอำนาจการเมืองเป็นของตระกูลเดียว โดยเตรียมออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับเครือญาติ ซึ่งเรื่องนี้เป็นรอยด่างพร้อยของระบอบประชาธิปไตยที่ยังคงฝังอยู่ในใจของคนภาคใต้ หรือคดีจำนำข้าว ที่บ่งบอกถึงการทุจริตคอรัปชั่น ส่งผลกระทบต่อประเทศและประชาชนทั่วประเทศ ต้องยอมรับว่าการปฏิวัตินั้น เป็นเรื่องที่เลวร้าย แต่เพราะบ้านเมืองกำลังประสบปัญหา ดังนั้นการปฏิวัติจึงเหมือนการรีเซ็ตระบบประชาธิปไตยใหม่
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





