fbpx
Home
|
อาชญากรรม

ชูวิทย์ ขีดเส้นตายบิ๊กเด่น แนะ ตร.คืนเงินที่รีดจากพยานด้วย

Featured Image
ชูวิทย์ ลั่น อยากขับรถขนศพไปที่บช.น. พร้อมขีดเส้นตายบิ๊กเด่น ต้องส่งพนักงานสอบสวนพร้อมรูปถ่ายตำรวจทั้งสน.ห้วยขวางมาด้วยเพราะพยานจำได้แม่น

 

 

วันนี้ ( 1 ก.พ. 66) ที่ กระทรวงยุติธรรม นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ได้กล่าวถึงประเด็นเจ้าหน้าที่ตำรวจด่าน สน.ห้วยขวาง รีดไถนักท่องเที่ยวชาวไต้หวัน กรณีพกบุหรี่ไฟฟ้า โดยนายชูวิทย์ กล่าวว่า ตนคันไม้คันมือเพราะตอนนี้ค่อนข้างพบความจริงแล้ว และตนได้นำพยานที่เป็นชาวสิงคโปร์ที่เป็นผู้จ่ายเงินมาอยู่ที่ประเทศไทยแล้ว ซึ่งการจ่ายเงินดังกล่าว พยานได้ถูกขู่เข็ญ ไม่ใช่การให้สินบน

 

อย่างไรก็ตาม พยานรายนี้ไม่เคยคิดว่าจะพบกับเหตุการณ์แบบนี้ เขาไม่ได้คิดอยากจะยุ่งเกี่ยว แต่เขากลับมาไทยเพื่อขอร้องตน โดยเขายังไปถามเพื่อนๆว่านายชูวิทย์เป็นใคร ซึ่งเขาไว้ใจตนแต่เขาไม่ไว้ใจตำรวจไทย นี่คือใจความสำคัญ นอกจากนี้ ตนอยากบอกว่าประเทศไทยเป็นเมืองท่องเที่ยวและเขาเป็นแขก เราจะต้องต้อนรับดูแล จะไปรีดไถเขาไม่ได้ ดังนั้น ที่บอกว่ามีการแจ้งข้อหา ม.157 แก่เจ้าพนักงาน ตนอยากถามว่า เรื่องบุหรี่ไฟฟ้านั้น คุณก็รู้ว่าตำรวจก็ใช้ และมีขายทั่วบ้านทั่วเมือง ซึ่งเขาเป็นแขก เขาจะรู้หรือไม่ ทั้งนี้ ตนอยากจะขับรถขนศพคันนี้ไปที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลจริงๆ

 

นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า ตอนนี้มันเกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ประเทศไทย เพราะว่าเราเพิ่งเปิดประเทศ ส่วนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตนอยากบอกว่าไม่ต้องไปผูกผ้าขาวม้า แต่ขอให้มาจัดการเรื่องนี้แทนหากท่านเป็นผู้นำและเป็นผู้ที่นำองค์กรตำรวจ เพราะวันนี้มันเละ เพราะว่าท่านจะต้องกล้าตัดสินใจใช้คนให้ถูกงานไม่ใช่มาพูดว่าแจ้งข้อกล่าวหา ม.157 จัดการคนที่ละเลย ตนมองว่าท่านกำลังเอาเรื่องเล็กมาบังเรื่องใหญ่เพราะว่าสังคมอยากรู้เรื่องการรีดไถ มากกว่า หากเป็นแบบนี้ต่อไปใครจะกล้ามาเที่ยวประเทศไทย

 

นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า หากสื่อมวลชนจะถามคำถามให้ถามต่อหน้าพยานได้เลย แต่ว่าหลังจากนั้นตนจะไม่ให้เขาพูดแล้วเพราะว่าเขากลัว แล้วเขาก็มาในฐานะคำเชิญของตน ซึ่งตนได้รับประกันไว้แล้ว วันนี้ประเทศไทยต้องไม่มีคอรัปชั่น และขอให้นายกรัฐมนตรีลงมาจัดการเรื่องนี้ บ้านเมืองจะได้ดีขึ้น ประเทศไทยจะได้เหมือนประเทศสิงคโปร์ นอกจากนี้ พยานยังบอกด้วยว่า เขากลัวโจรนะ แต่พอมาเมืองไทยเขากลัวตำรวจ

 

“อย่างไรก็ตาม เพราะเปิดตัวพยานไปแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องมาพบพยานรายนี้ ตนจะไม่ให้พยานไปให้การที่โรงพักเด็ดขาด โดยตนให้เวลาถึง 15.00 น. ที่ โรงแรมเดอะเดวิส ให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ตำรวจมาสอบปากคำพยาน และให้นำรูปถ่ายของตำรวจทุกคนที่ สน. ห้วยขวาง มาด้วย ซึ่งตนจะให้พยานรายนี้ชี้รูปเลยว่านายตำรวจไหนที่เป็นคนขู่เข็ญให้จ่ายเงิน ซึ่งพยานยืนยันว่าจำหน้าเจ้าหน้าที่ที่ด่านในคืนวันเกิดเหตุได้หมด และอย่าบอกว่าไม่มีรูปนายตำรวจเด็ดขาด

 

เพราะว่าคนที่รับ ได้ออกเวรไปแล้ว แต่เป็นตำรวจและยังอยู่ แล้วก็มีการไปปรึกษากับตำรวจใส่เครื่องแบบสองคนขู่เข็ญพยาน อีกทั้งยังมีการไปคุยกับตำรวจยศใหญ่กว่าว่าราคานี้ตกลงหรือไม่ ซึ่งตนจะให้พยานพูดโดยที่ตนเป็นคนสัมภาษณ์เขา แต่สื่อมวลชนก็สามารถสอบถามเขาได้เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าชาวสิงคโปร์รายนี้เป็นคนให้เงิน และถูกขู่เข็ญอย่างไรก็ให้เขาพูดให้หมดว่าถูกรีดอย่างไร เพราะถ้าไม่ถูกรีดไถ จะยืนอยู่ตรงนั้นเกือบชั่วโมงได้อย่างไร” นายชูวิทย์ ระบุ

 

นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า จากนั้นตนจะเปิดเผยขบวนการการรีดไถของด่านตรวจว่าจะต้องจ่ายเท่าไร ยอดสูงเท่าไร แล้วส่งเงินเหล่านั้นไปให้ใคร เพราะว่าพอบ่อนปิด จึงต้องมาตั้งด่านหาเงิน ตนทั้งสงสารประเทศไทยและเด็กเยาวชน ตำรวจชั้นผู้น้อย ที่ต้องไปหาเงินส่งนายใหญ่

 

ส่วนการมาถึงประเทศไทยของพยานชาวสิงคโปร์ เจ้าของเงิน 27,000 บาทนั้น นายชูวิทย์ กล่าวว่า พอเขามาถึง ตนก็เก็บตัวไว้ที่เซฟเฮ้าส์แทน และฝากบอกด้วยว่าเงินของกลางที่รีดกันไป ช่วยกรุณาคืนพยานคนนี้ด้วย เพราะเขาไม่ใช่คนรวย เขามาเที่ยวประเทศไทยเพราะรักประเทศไทยเท่านั้น นอกจากนี้ เมื่อวานตนได้ไปลงพื้นที่ดูตรงจุดที่พยานบอกว่ามีการขายบุหรี่ไฟฟ้า แต่กลับไม่พบว่ามีแผงขายบุหรี่ไฟฟ้า มีการเก็บเรียบร้อยหมดแล้ว.

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube