fbpx
Home
|
อาชญากรรม

เปิดมติ 4 ต่อ 1 ป.ป.ช. รับทําคดี “บิ๊กโจ๊ก”

Featured Image

 

 

 

เปิดมติ 4:1 ป.ป.ช. รับคดี “บิ๊กโจ๊ก” มาสอบเอง “นิวัติไชย” เผยเป็นเรื่องกล่าวหาร้ายแรง ตำรวจระดับสูง ด้าน “สุชาติ” อ้าง 2 เหตุผล “ทำไม่ได้”

 

 

นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยในรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand กรณี ป.ป.ช.มีมติ รับสำนวนคดี ที่พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกับพวกรวม 5 คน ถูกกล่าวหา ไปเรียกรับเงินหรือทรัพย์สิน ไว้พิจารณาดำเนินการไต่สวนเอง ว่า

 

ซึ่งแต่เดิมพนักงานสอบสวนกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท) ได้ส่งเรื่องกล่าวหาพันตำรวจเอกภาคภูมิ พิสมัย กับพวก ซึ่งเป็นประเด็นเกี่ยวเนื่องกับการเรียกรับเงินจากเว็บพนันออนไลน์ ซึ่งทาง ป.ป.ช. ได้มีมติส่งคืนไปให้พนักงานสอบสวน รับไปดำเนินการ ตาม ป.วิอาญา

 

หลังจากนั้น พนักงานสอบสวนได้มีการกล่าวหาพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ กับพวก เข้ามาเพิ่มเติมเป็นสำนวนที่ 2 คณะกรรมการป.ป.ช. ได้มีการพิจารณากันแล้ว อำนาจของป.ป.ช. ในการไต่สวนเจ้าหน้าที่รัฐในการกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ถ้าเป็นเรื่องกล่าวหาที่ไม่ร้ายแรง หรือเป็นเรื่องกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐบางระดับ คณะกรรมการ ป.ป.ช. อาจมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการป้องกันและปราบปราม การทุจริต รับไปดำเนินการแทนได้ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นพนักงานสอบสวน ป.ป.ท. หรือ ดีเอสไอ สามารถรับไปดำเนินการได้

 

แต่ใน พ.ร.บ. ป.ป.ช. ก็มีบทบัญญัติอีกข้อหนึ่ง ที่ได้กำหนดไว้ว่าระเบียบการตรวจสอบไต่สวน กรณีที่มีการมอบหมายเรื่องไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากสอบมาภายหลังพบว่า มีการกระทำความผิดร้ายแรงตามประกาศ ป.ป.ช. กำหนด หรือเป็นการกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐในระดับ สูงกว่าผู้อำนวยการหรือระดับสูงขึ้นไป ก็ต้องแจ้งมายัง ป.ป.ช. เพื่อให้ ป.ป.ช. พิจารณาว่าจะรับไว้ทำเองหรือไม่

 

ซึ่งคำว่าประกาศร้ายแรงตามประกาศที่ ป.ป.ช. กำหนด มี คดีเป็นเรื่องที่กระทบอย่างกว้างขวาง เป็นเรื่องที่สื่อมวลชนหรือประชาชนให้ความสนใจ เป็นเรื่องกล่าวหาที่อาจจะมีอิทธิพล หรือผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลังซึ่งการดำเนินการในชั้นปกติไม่สามารถทำได้ เช่น นักการเมือง หรือผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงหรือเรื่องกระทบที่มีมูลค่าความเสียหายสูง ซึ่งเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับเรื่องของบัญชีมีจำนวนเงินสูงมาก เพราะฉะนั้นตามหลักการตามประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็พิจารณาแล้วว่าเรื่องนี้สำนวนที่ส่งมาเพิ่มเติมเป็นเรื่องประกาศความผิดร้ายแรงและผู้ถูกกล่าวหาเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นตำแหน่งสูงกว่าระดับผู้อำนวยการ เพราะฉะนั้นก็จะต้องรับไว้เองตามประกาศความผิดร้ายแรง

 

ซึ่งอยู่ในหน้าที่ของป.ป.ช จะมอบหมายให้หน่วยงานอื่นไปดำเนินการคงไม่ได้เพราะเจตนารมณ์ของกฎหมายต้องการให้ ป.ป.ช. ทำเรื่องประเภทคดีใหญ่ๆ และเนื่องจากตำรวจเห็นว่าเรื่องนี้มีความเกี่ยวพันเป็นคดีร้ายแรงในกลุ่มผู้ต้องหาที่มีความเกี่ยวโยงกันในเรื่องของบัญชีม้าและเส้นทางการเงินต่างๆ จึงจำเป็นต้องดึงสำนวนเดิมเข้ามาด้วยซึ่งมีมติให้เรียกสำนวน คดีแรกที่กล่าวหา พ.ต.อ.ภาคภูมิ กับพวก กลับคืนมา ให้ ป.ป.ช. ทำการไต่สวนเอง

 

ผู้สื่อข่าวมีรายงาน แหล่งข่าวจาก ป.ป.ช. เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่4 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น พลตำรวจเอก วัชรพล ประสานราชกิจ ประธาน ป.ป.ช.ได้บรรจุวาระของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ เป็นวาระจร และนำขึ้นพิจารณาในช่วงเช้าของการประชุม ทั้งที่โดยปกติแล้ว การประชุมจะพิจารณาวาระเพื่อพิจารณาให้เสร็จสิ้นก่อนจึงจะพิจารณาวาระจรและวาระเพื่อทราบ ตามลำดับ

 

ในการพิจารณาวาระของรอง ผบ.ตร.นั้น มีการหารือกันเคร่งเครียดกว่าสองชั่วโมง เพราะมีการพิจารณาเรื่องข้อกฎหมายและสำนวนคดีนี้อย่างหนัก ซึ่งทราบว่าประธาน ป.ป.ช. และนายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ กรรมการ ป.ป.ช.เสนอให้ ป.ป.ช.นำคดีนี้กลับมาทำเอง โดยนายเอกวิทย์ เสนอว่า ควรตรวจสอบสำนวนนี้ใหม่ด้วย จากนั้นคณะกรรมการ ป.ป.ช.เสียงข้างมาก ได้อ้างมาตรา 28และ 29 แห่งพ.ร.ป. ป.ป.ช.และรัฐธรรมนูญในการดึงเรื่องนี้กลับมาดำเนินการเอง

 

ส่วนเสียงข้างน้อยในการลงมติครั้งนี้คือ นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข กรรมการ ป.ป.ช. ให้เหตุผลสองข้อที่ ป.ป.ช.ไม่ควรรับสำนวนนี้มาดำเนินการ เนื่องจาก 1.พฤติการณ์แห่งคดีระหว่างตำรวจกับเอกชน ร่วมกันกระทำความผิดกฎหมายการพนัน โดยนำเงินที่ได้มาไปแจกจ่ายตามบัญชีต่างๆนั้น เป็นความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งไม่ใช่ความผิดที่ ป.ป.ช.จะรับไว้ดำเนินการไต่สวน เพราะตำรวจในสำนวนคดีนี้ไม่ได้กระทำความผิดจากการปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้นการที่ ป.ป.ช.จะตั้งข้อกล่าวหาว่า ตำรวจในสำนวนคดีนี้กระทำความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157และ149 นั้น

 

โดยที่ตำรวจยังไม่มีพฤติการณ์เรียกรับทรัพย์สินนั้น อาจไม่ถูกต้อง และ 2.พนักงานสอบสวนยังดำเนินการไม่เสร็จสิ้น หากสำนวนนี้ถูกส่งกลับมา โดยเมื่อวันที่ 27ธ.ค.2566 พนักงานสอบสวนแจ้ง ป.ป.ช.ว่า มีการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมและพบผู้ร่วมกระทำผิดระดับสูงด้วย เท่ากับว่าพนักงานสอบสวนยังสอบสวนไม่เสร็จและจะส่งให้ ป.ป.ช.พิจารณาไม่ได้จนกว่าจะการสอบสวนแล้วเสร็จ และหากพิจารณามาตรา 65 และ 66 แห่ง พ.ร.บ. ป.ป.ช. นั้นพบว่า ป.ป.ช.ต้องคืนสำนวนให้พนักงานสอบสวนดำเนินการให้เสร็จสิ้นก่อนแล้วจึงนำมาพิจารณาอีกครั้ง

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube