fbpx
Home
|
ข่าว

“พิธา” รัฐให้ความสำคัญเอสเอ็มอีน้อย สู้งบซื้อเรือดำน้ำยังไม่ได้

Featured Image
“พิธา” รัฐให้ความสำคัญเอสเอ็มอีน้อย เทียบงบซื้อเรือดำน้ำยังไม่ได้ ยกนโยบายก้าวไกล หวยเอสเอ็มอี-ทุนตั้งตัว 1 แสน- หนุนเอสเอ็มอีเติบโตเข้มแข็ง

 

 

 

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมวงเสวนาอนาคตเอสเอ็มอีไทยภายใต้การเมืองไทย 2023 พร้อมตัวแทนจาก 4 พรรคการเมือง เพื่อแลกเปลี่ยนนโยบายและวิสัยทัศน์ของแต่ละพรรค ในการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก หากได้รับการเลือกตั้งเป็นรัฐบาลในอนาคต

 

 

โดยนายพิธา ระบุว่า สถานการณ์ปัจจุบันของเอสเอ็มอียังคงไม่ฟื้นตัวจากโควิด เนื่องจากที่ผ่านมาได้รับการใส่ใจที่น้อยเกินไป โดยเฉพาะในด้านการช่วยเหลือสภาพคล่องระหว่างวิกฤติ แม้จะมีมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือ soft loan แต่ก็กลายเป็นแหล่งทุนที่เอสเอ็มอีเข้าไม่ถึง ทำให้เกิดการฟื้นฟูจากโควิดที่ไม่เท่าเทียมกัน

 

 

ซึ่งที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลได้เดินหน้าทำงานยืนหยัดข้างเอสเอ็มอีมาโดยตลอด 4 ปี ทั้งการทำหน้าที่ผ่านกรรมาธิการเศรษฐกิจที่นำมาสู่ข้อเสนอการตัดลดกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจของเอสเอ็มอีลง หรือ การเสนอกฎหมายเพื่อเปิดโอกาสให้เอสเอ็มอีสามารถลืมตาอ้าปาก ทลายการผูกขาดของนายทุนใหญ่ เช่น ร่าง พ.ร.บ. สุราก้าวหน้า และการเสนอแก้ พ.ร.ก. ซอฟต์โลนที่เต็มไปด้วยเงื่อนไขอุปสรรคที่ทำให้เอสเอ็มอีเข้าไม่ถึง

 

รวมทั้งการอภิปรายงบประมาณของประเทศทุกปีว่า มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับเอสเอ็มอีน้อยเกินไป แต่งบประมาณซื้อเรือดำน้ำ 3 หมื่นล้านบาท ที่ไม่รู้จะเอาไปรบกับใคร เทียบกับงบเอสเอ็มอี 2.7 พันล้านบาทยิ่งเห็นได้ชัดเจนว่าไทยให้ความสำคัญกับเอสเอ็มอีน้อยเกินไป

 

สำหรับนโยบายเอสเอ็มอีของพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งปีหน้า พิธาระบุว่าประกอบด้วย “5 ต.” คือ แต้มต่อ โดยให้เอสเอ็มอี ผ่านหวยเอสเอ็มอี เมื่อประชาชนซื้อสินค้าจากเอสเอ็มอีครบ 500 บาท ผ่านแอปพลิเคชันของรัฐ เช่น เป๋าตัง สามารถแลกสลากกินแบ่งได้ 1 ใบ, เติมทุน โดยให้เงินทุนเอสเอ็มอีตั้งตัวรายละ 1 แสนบาท โดยไม่ต้องใช้หลักประกัน 2 แสนรายต่อปี, ตัดคอสต์ หรือการลดรายจ่ายให้เอสเอ็มอี

 

 

ซึ่งจะเดินไปพร้อมกับนโยบายค่าแรง 450 บาทของพรรคก้าวไกล โดยให้เอสเอ็มอีสามารถนำค่าแรงพนักงานไปหักภาษีได้สองเท่า และรัฐจะช่วยสนับสนุนเงินกองทุนประกันสังคมสำหรับพนักงานในธุรกิจเอสเอ็มอีในช่วงสองปีแรก, เติมตลาด โดยออกกฎกำหนดให้ต้องมีสัดส่วนสินค้าเอสเอ็มอีในชั้นวางของห้างค้าปลีก เพื่อให้สินค้าเอสเอ็มอีเข้าถึงตลาดได้มากขึ้น และตั้งสภาเอสเอ็มอี ให้การรวมตัวของเอสเอ็มอีมีพลังต่อรองมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ประกอบการที่ส่งเสียงไปถึงรัฐบาลได้มักจะมีเพียงสภาอุตสาหกรรมและสภาหอการค้าไทย ส่วนเอสเอ็มอีเพิ่งจะได้มีบทบาทเมื่อไม่กี่ปีมาเท่านั้น

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube