fbpx
Home
|
บันเทิงไทย

เริ่มเข้าสู่ความคิดถึง! ปู แบล็คเฮด เปิดใจไม่มีวินาทีไหนที่ไม่คิดถึง นุ๊กซี่

Featured Image

เริ่มเข้าสู่ความคิดถึง! ปู แบล็คเฮด เปิดใจไม่มีวินาทีไหนที่ไม่คิดถึง นุ๊กซี่ พร้อมเผยแต่งเพลงให้กับคนที่รักแต่แต่งยังไงก็ไม่จบ

เมื่อ ปู แบล็คเฮด ได้มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 ได้เปิดแบบหมดเปลือกทุกเรื่องราวของชีวิตในเรื่องราวของชีวิต หลังจากที่ได้สูญเสีย นุ๊กซี่ แฟนสาวอันเป็นที่รักไปเจ้าตัวเผยว่าไม่มีวันไหนเลยไม่คิดถึง พร้อมเผยเมื่อตอนที่ นุ๊กซี่ ยังอยู่เคยขอให้แต่งเพลงให้ ซึ่งตอนนี้ตัวเองก็พยายามแต่งแต่แต่งยังไงก็ไม่จบ

ถาม ย้อนกลับมาเมื่อประมาณ 8 เดือนที่แล้วที่มาเป็นแขกรับเชิญที่นี่ ณ วันนั้นเอาจริงๆ น้องนุ๊กซี่ ดูแข็งแรงมากแล้วก็มีพลังงานสดใสมากจริงๆ ณ วันนั้นความเจ็บป่วยของน้องจริงๆเป็นอย่างไร
ปู แบล็คเฮด : คือ ตอนนั้นจริงๆมันมีหวังครับ มันก็เลยแบบว่ามันสงบอยู่บ้างนิดหนึ่ง เพียงแต่ว่าพอหลังจากช่วงเวลาที่ให้คีโมเขาเรียกว่าคีโมตัวยาแรกไปรู้สีกว่ามันจะดื้อมันสงบอยู่ได้พักหนึ่งแล้วมันดื้อ ทีนี้ก็เลยต้องเปลี่ยนกลับไปเป็นคีโมตัวยาตัวดั้งเดิมที่เขามีกันมาตั้งนานแล้วครับ ซึ่งเขาเป็นมะเร็งเต้านมครับ แต่ว่าเอาก้อนเนื้อออกไปแล้วคว้านเนื้อออกไปแล้ว แต่ทีนี้มันก็ไปอยู่ที่ต่อมน้ำเหลืองด้วยมันเริ่มลาม พออยู่ ต่อมน้ำเหลืองแล้วเนี่ยมันก็จะไปเจอที่ปอดเล็กๆครับ เราก็เลยต้องให้คีโมเพื่อรักษาและควบคุมตัวมะเร็งในส่วนต่างๆเหล่านั้น

ถาม และมีสิ่งหนึ่งที่เป็นความตั้งใจสุดท้ายแต่ไม่ได้ทำคือเรื่องอะไรเอ่ย
ปู แบล็คเฮด : ตอนผมเดินทางออกมาจากโรงพยาบาลก่อนวันที่ นุ๊ก จะไปนะครับ ผมคิดเลยว่าถ้า นุ๊ก ดีขึ้นนิดหนึ่งหรือว่าภาวะทางปอดไวรัสมันโอเค แล้วช่วงเวลาที่โควิดมันโอเคมันสามารถที่จะพานายอำเภอเขามาจดทะเบียนสมรส เพราะเขาบอกว่าถ้าช่วงนี้มันจัดงานไม่ได้ เพราะว่าหนูก็ป่วยเจอคนมากไม่ได้อยู่แล้ว แล้วไม่อยากเจอคนเยอะๆด้วยแค่จดทะเบียนก็ได้

ถาม คือเป็นความใฝ่ฝันของน้องที่อยากแต่งงาน
ปู แบล็คเฮด : ใช่ครับ อยากแต่งงาน ตอนแรกอยากมีงานใหญ่ใช่ไหมครับ ในวันแรกที่เจอแล้ววันที่มาถึงตรงนี้วันที่มาพูดคุยคราวที่แล้วก็อยากเป็นงานเล็กๆแล้วมีแต่คนสนิท จนในที่สุดผมว่ามันเป็นลำดับใจความได้ว่าเขาก็มีความกังวลใจอยู่เหมือนกัน กับการที่เขารู้สึกตัวเองว่าแบบมันอาจจะถึงเวลาอย่างนี้ครับ เขาก็เลยขอว่าถ้าอย่างนั้นอยากจดทะเบียน จดทะเบียนไหม พี่ไปจดทะเบียนกันเลยดีกว่าเพียงแต่ว่า ณ ช่วงเวลานั้นเข้าโรงพยาบาลซะก่อนผมก็เลยคิดว่าในวันที่ผมออกมาไปทำงานวันนั้นก่อนวันที่ นุ๊ก จะไปวันเดียวนั่นแหละครับ ผมก็คิดหรือว่าเอานายอำเภอขออนุญาตหมอเลยไหมอย่างนู้นอย่างนี้

ถาม แล้วได้พูดบอกกับ นุ๊ก ในความตั้งใจของเราไหม
ปู แบล็คเฮด : ไม่ได้พูดกับเขาแต่เราคิดไว้คือจะทำเลย มันเหมือนอะไรสักอย่างอยู่ดีๆผมก็คิดขึ้นมา จดทะเบียน ให้เขาดีกว่าอะไรอย่างนี้ครับ หรือว่าเรามีความกังวลอยู่ในนั้นอยู่แล้วก็ไม่ทราบ

ถาม อันนี้แหละเนอะคือสิ่งที่หลายๆคนมักจะพูดกันอยู่บ่อยๆว่าตอนนี้คิดอยากจะทำอะไรให้กันรีบๆทำนะเพราะในที่สุดแล้วเราก็ไม่รู้จริงๆว่าวันไหนจะเกิดขึ้นกับชีวิตของเรา แต่ต่อให้วันนั้นอาจจะไม่ได้มีภาพจดทะเบียนสมรส อย่างที่ ปู เคยอยากให้มีแต่น้องเขาคงสัมผัสได้ว่า เขามีรักแท้แม้ไม่ต้องมีทะเบียนสมรส เขาเห็นคนคนหนึ่งที่อยู่กับเขา สุขกับเขา เจ็บปวดแทนได้ก็อยากจะเจ็บปวดแทนเขาเชื่อว่าเขามีความรักที่ประคองเขามาได้จนกระทั่งถึงลมหายใจสุดท้ายด้วยซ้ำ
ปู แบล็คเฮด : ผมก็คิดว่าเขาน่าจะรู้ได้

ถาม ในช่วงที่เราทรมานที่สุดแน่นอน เป็นคนแต่งเพลงเป็นนักร้อง ตอนนั้นเขียนเพลงจากความทรมานใจให้กับเขาด้วย
ปู แบล็คเฮด : ใช่ครับ รู้สึกว่าจะเป็นช่วงเวลาสัปดาห์ที่สองครับ เขาเคยบอกว่าเขาอยากได้เพลงประจำตัวของเขาอยากให้พี่เขียนให้หน่อย ผมก็เลยคิดขึ้นมาก็คือทุกเช้าผมจะเปิดรูปนั่งดูอย่างนี้แหละครับ นั่งดูรูปเก่าๆนั่งดูคลิปเก่าๆเราก็เอ๊ะ .. จำได้ว่าเขาอยากได้เพลงๆหนึ่งของเขาผมก็เลยเขียนขึ้นมา แต่พอเขียนขึ้นมาแล้วมันไม่จบครับเพราะปรากฎว่ามันเป็นเพลงทุกข์อ่ะครับ มันเศร้าไปซึ่งซึ่งเขาคงไม่อยากได้เพลงแบบนี้มั้ง เพลงประจำตัวเขา เพราะเราเขียนหลังจากที่เขาจากไปแล้วเลยอยู่ในโหมดนั้นก็เลยเขียนไม่จบ

ถาม เนื้อเพลงมันประมาณไหนเอ่ยพอเล่าให้ฟังได้ไหม
ปู แบล็คเฮด : มันขึ้นด้วยว่า .. มีรักที่ดี มีกันและกันเสมอมีโชคให้เจอแต่มีเวลาน้อยไป ยังถามตัวเองทุกคืนและยังไม่เข้าใจการจากไปไม่เห็นรอยยิ้มที่เปลี่ยนโลกได้เสมอ รุ่งเช้าไม่เจอกับเธอไม่อยากลืมตาด้วยซ้ำไป ยังทรมานทุกคืนและยังไม่เข้าใจการจากไป เธออยู่ไหน

ถาม เห็นบอกว่าบางเพลงร้องไม่ได้แล้วเลย
ปู แบล็คเฮด : ตลอดมาเวลาร้องเพลงจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันมากมันเป็นอีกเรื่องหนึ่งมันเป็นเรื่องของคนอื่นด้วยซ้ำไป แต่อยู่มาวันหนึ่งแค่ประโยคเดียวก็ร้องไม่ได้ เพลง อยู่ไปไม่มีเธอ อย่างนี้ครับ แต่เราไม่ร้องก็ไม่ได้แล้วเป็นเพลงที่คนต้องขออยู่ตลอดครับ ทุกครั้งที่ไปเล่นคอนเสิร์ตแต่ว่าเราก็ต้องขอเขาคืนว่า ถึงท่อนนี้ผมร้องไม่ได้นะครับ ขอให้ร้องให้ผมหน่อย ณ ปัจจุบันไปคอนเสิร์ตในแต่ละครั้งก็จะมีคนเข้ามาแบบสู้ๆนะพี่หรือว่าให้กำลังใจตลอด บางคนถือรูปมาแบบเป็นรูปคู่นะครับมันไม่ใช่เป็นรูปหรือโปสเตอร์ แบล็คเฮด แล้วนะ เป็นรูปคู่ผมกับนุ๊ก ผมก็เป็นวัฒนธรรมที่แปลกดีนะตอนนี้

ถาม คราวที่แล้วที่มาเราคุยกันเรื่องหนึ่งถึงเรื่องของการ ปู บอกว่าอยากมีพื้นที่ส่วนตัวบ้าง แต่วันนี้พื้นที่ส่วนตัวเยอะมาก
ปู แบล็คเฮด : เยอะไป คือ เวลาเราอยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมงครับ ไปไหนทำอะไรเราก็จะไปทำด้วยกันตลอดแล้วก็เลยแบบว่าพื้นที่ส่วนตัวใน ณ เวลานั้นที่ผมบอกก็คือ คิดงานหรือว่าบางทีผมจะฟังเพลงครับ มันก็จะต้องเป็นการฟังเพลงที่ ฟังเพลงเพื่อก่อให้เกิดผลงานชิ้นต่อไป มันก็เลยต้องใช้เวลาช่วงเช้าของตัวเอง หรือว่าเวลาสรุปเพลงเขียนเพลงให้จบก็จะใช้เวลาช่วงเช้าๆ อันนั้นก็เป็นพื้นที่ส่วนตัวที่เราได้มีตอนช่วงเช้า ในตอนที่มีเขา แต่ตอนนี้คือแบบว่างมากครับ พื้นที่ส่วนตัวเยอะเต็มไปหมดเลย แต่ว่ามันก็อยู่ในพื้นที่ที่ใช้ความคิดอะไรไม่ได้เลย

ถาม หมายถึงว่าตอนนี้ก็ยังทำงานอะไรไม่ได้
ปู แบล็คเฮด : คือ งานเขียนมันยังยากอยู่ครับ เพราะมันจะไปสุขก็สุขไม่สุด จะไปทุกข์มันก็ทุกข์ไม่ได้เพราะว่ามันก็เป็นแผลใหญ่อยู่มันอาจจะเป็นความทุกข์ที่ดึงมาในโหมดส่วนตัว มันก็เลยแบบงานเขียนยังยากอยู่ครับ

ถาม ตอนที่เปิดตัวว่าเป็นแฟนกันครั้งแรกทุกคนจะเข้ามาเพื่อที่จะแบบถ้าพูดกันง่ายๆมีคนดูถูกว่าจะรอดเหรอทำไมคบเด็ก วันนี้ กลายเป็นรักแท้ของกันและกันไปแล้ว สภาวะจิตใจในวันนี้พอไหวหรือยัง
ปู แบล็คเฮด : จะเรียกว่ามันดีก็ดีขึ้นครับ เรียกได้ว่าอย่างนี้ดีกว่ามันผ่านช่วงความทุกข์ทรมานใจมากกว่าผ่านความตกใจและเสียใจหนักๆเพิ่งผ่านไปแต่ว่า มันเริ่มเข้าสู่ช่วงของความคิดถึงมากกว่าครับ

ถาม แล้วเวลาคิดถึงมากๆทำอย่างไร
ปู แบล็คเฮด : คิดถึงมันก็มีเรียกได้ว่าถ้าสมมติว่าตอนเสียใจก็มีน้ำตา ความคิดถึงก็มีน้ำตาได้เหมือนกันครับเพราะว่าความจริงมันแฮปปี้มันมีความสุข แต่ในวันที่มีความสุขเหล่านั้น ณ วันนี้ไม่มีแล้ว มันก็เลยกลายเป็นเรื่องที่แบบพอคิดถึงมันก็มีความทรมานอยู่ส่วนหนึ่ง แต่ว่ามันคนละเรื่องกับในช่วงเวลาแรกๆ ในช่วงเวลาแรกมันจะมีคำถามในตัวเสมอว่ามันเกิดอะไรขึ้นมันจริงเหรอ มันจะคร่ำครวญครับ ถึงขนาดที่เราพอเห็นหน้าแล้วโธ่ .. ทำไมหนูต้องโชคร้ายอย่างนี้ด้วย ทำไมต้องเป็นหนู แล้วทำไมต้องเป็นคนคนหนึ่งที่แบบว่า ทำไมต้องกลายเป็นคนคนหนึ่งที่พยายามสู้แล้วก็พยายามทำอะไรดีๆให้กับคนอื่นๆ แต่ทำไมตัวเองกับกลายไม่ได้รับผลตอบแทนใดๆที่มันอยู่ในสถานการณ์ที่มันดีขึ้นเลยสักนิดอะไรอย่างนี้

ถาม จากวันนั้นของการสูญเสียจนถึงวันนี้ก็ประมาณ 3 เดือน
ปู แบล็คเฮด : ใช่ครับประมาณ 3 เดือน เราก็ยังดูโทรศัพท์มือถือของเขาทุกวันเพราะว่ามันเป็นกิจวัตรประจำวันของเราของผมจะอยู่ฝั่งขวากผมมีโทรศัพท์ฝั่งขวา เขาจะอยู่ฝั่งซ้ายโทรศัพท์เขาจะอยู่ฝั่งซ้ายมีเครื่องชาร์จส่วนตัวของแต่ละคนผมก็จะชาร์จของเขาไว้เสมอยังไม่มีวันไหนที่โทรศัพท์นั้นถูกปิดเลยเช่นเดียวกันทั้งสองเครื่องแล้วก็ตื่นเช้ามาผมก็จะหยิบของเขามาดูมันกลายเป็นเรื่องที่แบบว่า ตอนแรกมันเริ่มจากการดูที่ว่า มีงานอะไรค้างอยู่หรือเปล่าในนั้นนะครับ ดูไปดูมาพอเสร็จแล้วเราก็เข้าไปดูลึกขึ้นๆเรื่อยๆมันก็เลยกลายเป็นเห็นอะไรที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนส่วนใหญ่จะดูรูปเพราะว่าพอเริ่มเห็นรูปเริ่มเห็นคลิปซึ่งมีวีดีโอของเราเยอะมากในช่วงเวลาที่เราหลับบ้าง หรือ ว่าเป็นโมเมนต์ที่เราเผลอๆทำอะไรบ้างแล้วก็จะมีเสียงพากย์ของเขาอยู่แค่นั้นคือแบบเราก็คือเขาดูเราตลอดเวลาแล้วก็ถามแบบว่าเหมือนเอาใจใส่เราตลอดเวลาครับ บางคลิปบางรูปเรายังจำไม่ได้เลยว่าที่นี่คือที่ไหน อย่างไรช่วงเวลาโมเมนต์นั้นคืออะไร

ถาม แต่เห็นบอกว่ารู้สึกมีรูปคู่น้อยไปหน่อยปกติไม่ค่อยได้ถ่ายรูปคู่กัน
ปู แบล็คเฮด : ตอนนั้นที่ไม่ได้ถ่ายรูปคู่เพราะว่าเราอยู่ด้วยกันตลอดเวลาอยู่แล้วครับ ก็เรียกได้ว่า 24 ชั่วโมงนั่นแหละเราก็เลยไม่เห็นว่ามันจะต้องไปถ่ายอะไรให้มันเยอะแยะเพราะเราก็รู้สึกว่าจะถ่ายทำไมในเมื่อเราก็ไปด้วยกันได้เราก็เลยไม่ได้เห็นความสำคัญของการที่จะต้องถ่ายบันทึกเก็บไว้เพราะเราไม่รู้นี่ครับว่า มันจะเกิดสถานการณ์นี้ขึ้น

ถาม มันเป็นวิธีคิดและวิธีการรับมือแตกต่างกันไปบางคนอาจจะบอกว่าการที่เข้าไปดูสิ่งเหล่านี้เรื่อยๆ มันยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เรามูฟออนไม่ได้หรือเปล่า แต่กับ ปู มองไปอีกแบบหนึ่ง
ปู แบล็คเฮด : ใช่จริงๆผมไม่อยากลืมด้วยซ้ำไม่อยากลืมเหตุการณ์ที่มันเคยมีความสุขเรียกได้ว่าเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นทุกชิ้นหรือว่าหรือว่าข้าวของของนุ๊ก อะไรอย่างนี้ครับ ที่เป็นเฟอร์นิเจอร์นะครับ ที่ไม่ใช่เสื้อผ้า อย่างเรื่องเสื้อผ้าผมก็เอาเสื้อผ้าของ นุ๊ก ไปบริจาคให้กับวัดสวนแก้วหมดครับ วิกก็ไปบริจาคให้กับจุฬาภรณ์ เพราะว่ามันไม่ได้ใช้อยู่แล้วผมก็ไม่ได้ใช้ แล้วคุณแม่ของน้องเขาก็มาเอาส่วนหนึ่งไป คุณน้าอะไรอย่างนี้ก็เอาส่วนหนึ่งไปแล้ว อีกส่วนหนึ่งเขาก็เอาไปไว้ที่วัดสวนแก้วครับ แต่ว่าเรื่องเฟอร์นิเจอร์ที่วางทิ้งอยู่ที่บ้านผมยังตั้งไว้เหมือนเดิมครับเพราะว่าเราไม่เห็นมีความจำเป็นว่ามันต้องเอาออกเราคิดว่าในเมื่อมันเป็นความทรงจำที่ดีเรื่องอะไรที่เราจะต้องเอามันออกไปจากชีวิต

ถาม อันนี้ก็จะเป็นวิธีคิดอีกแบบหนึ่งเพราะว่าก็มีแหละคนส่วนหนึ่งก็อาจจะรู้สึกว่าแบบพยายามจะลืมๆจะได้ไม่ต้องเศร้าอีกหรือจะได้ไม่ต้องเสียใจอีก แต่ ปู รู้สึกว่าไม่สิเราต้องจำเอาไว้ เราต้องเก็บความทรงจำดีๆเอาไว้
ปู แบล็คเฮด : ใช่ครับ คือ มันไม่ใช่ว่าผมคิดตรงข้ามเพียงแต่ว่าผมคิดอย่างนั้นมันแบบเสียดายนะ เสียดายความทรงจำเพราะว่าเวลาที่เราอยู่ด้วยกันมันอาจจะน้อย น้อยมากด้วยซ้ำไปที่เราอยู่ด้วยกันมา 5 ปีกว่าๆครับ คือ บังเอิญว่าเราไม่ได้อยู่ในโหมดที่เราจะคิดจะทิ้งขว้างความรู้สึกเหล่านั้นหรือว่าทิ้งขว้างความทรงจำเหล่านั้นเลยตอนแรกๆเราก็คิดอยู่เหมือนกันว่าเราจะอยู่ได้ไหม ถ้าเผื่อเราจะต้องวนเวียนอยู่แต่ปรากฏว่า ณ วันนี้ผมคิดว่าสภาพจิตใจกับการที่อยู่กับสิ่งที่มันยังอบอวลอยู่ที่มันยังวนเวียนอยู่ผมอยู่ได้

 

สามารถชมคลิป ย้อนหลัง ได้ในรายการ CLUB FRIDAY SHOW ผลิตโดย CHANGE2561 ทางยูทูป




ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCmL7sBjm02WNURAOxGzq25w

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube