รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิด โครงการสร้างรายได้ด้วยแฟรนไชส์ ฝ่าโควิด-19 ดึง ธนาคารร่วมสร้างอาชีพ กระตุ้นเศรษฐกิจช่วยชาติ
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดโครงการสร้างรายได้ด้วยแฟรนไชส์ ฝ่าโควิด-19 ปี 2564 โดยระบุว่า กระทรวงพาณิชย์ตระหนักดีว่าการพลิกฟื้นเศรษฐกิจและการสร้างความเข้มแข็งให้ระบบเศรษฐกิจ ภายใต้วิกฤตโควิดในปัจจุบันจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจฐานราก โดยเฉพาะ SMEs และ Micro SMEs ซึ่งส่วนหนึ่ง คือธุรกิจแฟรนไชส์ ที่ช่วยสร้างอาชีพสร้างรายได้และลดอัตราการว่างงาน
โดยโครงการในวันนี้มี 2 กิจกรรม คือ กิจกรรมแฟรนไชส์สร้างอาชีพ Roadshow ใน 15 จังหวัดทั่วทุกภาค ตลอดเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งจะช่วยขยายธุรกิจแฟรนไชส์ให้มีบทบาทในภาคเศรษฐกิจของประเทศมากขึ้น และ ร่วมกิจกรรมแฟรนไชส์สร้างอาชีพ ที่เมืองทองธานี ในช่วงเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งจะมีแฟรนไชส์กว่า 400 รายเข้าร่วม และจะมีโครงการจับคู่กู้เงินระหว่างสถาบันการเงินกับแฟรนไชส์เกิดขึ้นด้วย ถือเป็นโครงการจับคู่กู้เงินภาค 3 ต่อจาก จับคู่กู้เงินสถาบันการเงินกับร้านอาหาร จับคู่กู้เงินสถาบันการเงินกับ SMEs ส่งออก โดยมั่นใจว่าจะช่วยให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาซื้อแฟรนไชส์ได้ไม่ต่ำกว่า 10,000 ราย สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ เฉพาะงานนี้ 1,500 ล้านบาท แต่ทั้งปีไม่ต่ำกว่า 4,600 ล้านบาท
ด้านนายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมฯ ได้ให้การส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ SMEs โดยเฉพาะธุรกิจภาคบริการให้มีความเข้มแข็งเพื่อเป็นฟันเฟืองและกลไกสำคัญในการขับเคลื่อน เศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งธุรกิจแฟรนไชส์เป็นหนึ่งในธุรกิจบริการที่กรมฯได้ดำเนินการสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพมาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยนำธุรกิจแฟรนไชส์มาเป็นทางเลือกในการสร้างอาชีพสร้างรายได้ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและการสร้างอาชีพแก่ผู้ว่างงาน สร้างโอกาสการลงทุนให้กับผู้ที่ต้องการมีธุรกิจของตนเอง โดยมีหน่วยงานพันธมิตรในการบูรณาการความร่วมมือในการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์กับกรมฯเป็นอย่างดี ได้แก่ สมาคมแฟรนไชส์และไลเซนต์ เและสถาบันการเงินทั้งภาครัฐและเอกชน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
