ปราบสแกมเมอร์เขมร “อนุทิน” ทำแค่นี้พอหรือยัง?
ปัญหาสแกมเมอร์ ไม่ใช่แค่เรื่องของไทยกับเขมรเท่านั้นแต่คือต้นตอของความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา ในช่วงที่ผ่านมา จนเกิดการสู้รบครั้งใหญ่
ปัญหาสแกมเมอร์ ไม่ใช่แค่เรื่องของไทยกับเขมรเท่านั้น แม้หลายคนมองว่า นี่แหละคือต้นตอที่แท้จริง ของความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา ในช่วงที่ผ่านมา จนเกิดการสู้รบครั้งใหญ่ แต่เป็นปัญหาระดับโลก ที่นานาชาติให้ความสำคัญมาก สหรัฐอเมริกา และ อังกฤษ ถึงขั้นออกโรงคว่ำบาตร อายัดทรัพย์สินเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติในกัมพูชา
ขณะเกาหลีใต้ ส่งทีมพิเศษเข้าปฏิบัติการในกัมพูชา ทลายฐานที่มั่นสแกมเมอร์ หลังมีพลเมืองเกาหลีเสียชีวิต ส่วนรัฐบาลไทย ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี “อนุทิน ชาญวรกุล” ก็ประกาศให้การปราบปรามการหลอกลวงทางออนไลน์ หรือสแกมเมอร์ เป็น “วาระแห่งชาติ” และยืนยันว่า รัฐบาลได้ทำแล้ว ตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต และจะตามด้วยตัดไฟ ก่อนจะลุยตรวจสอบเส้นทางการเงิน และเพิกถอนสัญชาติบุคคลที่เกี่ยวข้องเป็นลำดับต่อไป
ก่อนหน้านั้น รัฐบาลของ “อนุทิน” ถูกวิพากษ์วิจารณ์ อย่างหนักว่าไม่มีมาตรการเชิงรุกในการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ ขบวนการฟอกเงิน และอาชญากรรมข้ามชาติ พรรคเพื่อไทย ในฐานะฝ่ายค้าน ได้ออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้รัฐบาลยกระดับ “ปราบปรามสแกมเมอร์” อย่างจริงจัง ไม่ใช่ทำงานตามกระแส หรือหวังผลทางการเมือง และคะแนนนิยม พรรคเพื่อไทย เสนอ มาตรการ 3 ตัด คือ “ตัดไฟ ตัดอินเทอร์เน็ต และตัดการขนส่งน้ำมัน” เพื่อสกัดสแกมเมอร์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และยกโมเดลของรัฐบาลอดีตนายกฯแพทองธาร ชินวัตร จัดการกับสแกมเมอร์ฝั่งเมียนมา มาตบหน้ารัฐบาลสีน้ำเงิน ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ทำไมถึงไม่จริงใจ จริงจังในการปราบปรามสแกมเมอร์เขมรเสียที ทั้งที่หลายคนเรียกร้องให้ไทย ร่วมขบวนกับ นานาชาติ จัดการปัญหานี้ให้เด็ดขาด แต่ก็ยังไม่ชัดเจนเท่าที่ควร
ย้อนกลับไปดูผลงาน และท่าทีของ รัฐบาลนายกฯ “อนุทิน” นับตั้งแต่แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เมื่อ 29 กันยายน ว่ามีปฏิกิริยา หรือออกแอคชั่นอะไรไปบ้าง ต่อการปราบปรามสแกมเมอร์ ก่อนยกระดับเป็นวาระแห่งชาติ เริ่มจาก 30 ก.ย. “รังสิมันต์ โรม และ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” 2 สส.พรรคประชาชน อภิปรายชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างนักการเมืองในรัฐบาลทั้งในอดีตและปัจจุบัน กับที่ปรึกษาสมเด็จฮุน เซน มีส่วนพัวพันกับการฟอกเงิน และเครือข่ายสแกมเมอร์ในกัมพูชา
ซึ่งรัฐบาล และผู้ถูกพาดพิงก็ได้ชี้แจงไปเล็กน้อยและยืนยันว่าจะดำเนินการตรวจสอบ ต่อมา วันที่ 15 ต.ค.”นายกฯ อนุทิน” ได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยมีตัวเองเป็นประธาน
ต่อมา 17 ต.ค. กระทรวงการคลัง ก็ตั้งทีมตรวจสอบที่มาแหล่งเงิน อุดช่องสกัดเงินเทา และสแกมเมอร์ข้ามชาติ, 19 ต.ค. นายกฯ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ และสถานทูตไทยในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ตรวจสอบกรณีสื่อสังคมออนไลน์เปิดข้อมูลว่า 7 นักการเมืองไทยเกี่ยวข้องกับแก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชา, 20 ต.ค. นายกฯ เรียกประชุมคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีนัดแรก ก่อนประกาศให้การปราบปรามสแกมเมอร์เป็น “วาระแห่งชาติ” และตั้งให้ “วรภัค ธันยาวงศ์” รมช.คลัง เป็นหัวหน้าทีมสอบส้นทางเงินสีเทา
และในวันรุ่งขึ้น 21 ต.ค. นายกฯ แจ้ง ครม. บรรจุเรื่องการปราบปรามสแกมเมอร์เป็น “วาระแห่งชาติ” แต่ 22 ตค. “วรภัค” ประกาศลาออก หลังถูกกล่าวหาเชื่อมโยงสแกมเมอร์ในกัมพูชา แม้เจ้าตัวยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ก็ตาม และปิดท้าย 24 ตค. “อนุทิน” ในฐานะ รมว.มหาดไทย ได้ลงนามคำสั่งถอนสัญชาติ “ลียง พัด” สว.กัมพูชา ที่ถูงพาดพิงว่าเชื่อมโยงสแกมเมอร์ หลัง ปปง.อายัดทรัพย์ในไทย 70 ล้านบาท
นายกฯอนุทิน เคยย้ำว่า รัฐบาลจะไม่ยอมให้ประชาชนถูกหลอกอีกต่อไป และจะเดินหน้าปราบปรามอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะกวาดล้างเครือข่ายสแกมเมอร์ได้หมดสิ้น แต่คำถาม คือรัฐบาลไทย ภายใต้การนำของนายกฯ อนุทิน ทำแค่นี้ เพียงพอแล้วหรือไม่ หากเปรียบเทียบกับ สหรัฐฯ อังกฤษ และเกาหลีใต้ ที่อยู่ห่างไกลจากกัมพูชา แต่ใช้มาตรการที่เข้มข้น เด็ดขาด จัดการกับสแกมเมอร์เขมร และนายกฯอนุทิน ควรจะต้องทำอะไรอีก เพื่อให้ประชาชนคนไทย สบายใจ ว่าจะปลอดภัยจากพวกสแกมเมอร์.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





