ผวจ.นครศรีธรรมราช ลั่น เตรียมใช้ยาแรงหากผู้ติดเชื้อยังเพิ่มต่อเนื่อง-สสจ.เปิดตัวเลขวันเดียวพบเชื้ออีก 55 คน
นายแพทย์จรัสพงษ์ สุขกรี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เปิดเผยข้อมูลตัวเลขผู้ติดเชื้อประจำวันในวันนี้ 24 เมษายน 2564 พบว่ามีผู้ติดเชื้อสูงถึง 55 รายถือว่าสูงสุด เป็นการทำลายสถิติของจังหวัดส่งผลให้ขณะนี้มีผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 193 ราย รักษาหายกดลับบ้านได้แล้ว 5 ราย และวันนี้ผู้ป่วยที่รักษาอยู่ในอาการวิกฤติ 1 รายที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ส่วนข้อมูลผู้ติดเชื้อที่พบนั้นเป็นกลุ่มใหญ่ที่ถูกจำกัดวงเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจากรายเก่าอยู่แล้ว เช่น กลุ่มกิจกรรมไหว้ครูหมอมโนราห์ ที่มีผู้ติดเชื้อ 21 ราย นอกจากนั้นยังพบว่ามีทารกรายล่าสุดที่ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมีอายุน้อยที่สุดเพียง 28 วันเท่านั้น
ด้านนายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เปิดเผยหลังจากทราบตัวเลขการตรวจพบผู้ป่วยว่า การพบเคสนั้นมาจากคนในที่ไปธุระข้างนอกแล้วกลับมา ได้เร่งให้มีการตามหาคนเหล่านี้ การพบนั้นเริ่มตั้ง 15-16 เมษายนที่ผ่านมา หลังจากนี้ต้องยืดเวลาไปถึง 29-30 เมษา ในช่วงสัปดาห์นี้จะเป็นช่วงเข้มข้นที่สุด ถ้าไม่มีรายอื่นแปลกปลอมเข้ามา ตัวเลขที่จะมากที่สุดไม่เกิน 30 เมษายนนี้
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ยังระบุด้วยว่าการกักกันที่ผ่านมาอาจไม่ได้ผลเท่าที่ควรแต่หลังจากนี้จะมีการยกระดับทุก รพ.จะระดับตัวเองให้เป็นสถานที่กักกันผู้มีความเสี่ยงสูงและผู้ป่วยที่มีอาการ พร้อมมีการยกระดับการจัดการ 2-3 เรื่องคือ
- ทุก รพ.ยกระดับในการกักกันผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง
- ยกระดับกระบวนการทำงานกรณีผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงและกักกันตัวเองที่บ้านโดยไม่รู้ว่าตัวเองติดเชื้อหรือไม่อาจทำให้ติดกันทั้งบ้าน กรณีนี้ขอให้นำมากักกันตัวสถานที่ที่จังหวัดจัดเตรียมไว้พร้อมสอบสวนโรคให้เร็วที่สุด
- ประสานกับท้องถิ่นให้มีการทำงานเชิงรุกกรณีตลาดนัดต่าง ๆ สถานที่สาธารณะ, ร้านสะดวกซื้อ ต้องมีการเข้มงวดในการดูแล
โดยหลังจากนี้กลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจะไม่ยินยอมให้กักตัวที่บ้านเพราะมีการแพร่เชื้อออกไปได้ง่ายต้องมากักกันตัวที่สถานที่ที่จังหวัดจัดเตรียมไว้ให้เท่านั้นหากบ้านใดฝ่าฝืนมีการแพร่เชื้อออกไปจะถือว่ามีความผิดจะต้องถูกดำเนินคดี
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
