fbpx
Home
|
ข่าว

“อนุทิน”แจงเหตุผลไทยเข้าCovaxย้ำไม่เคยทิ้ง

Featured Image
ปรับตามสถานการณ์วัคซีนโลก! “อนุทิน” แจงเหตุผลไทยเข้า Covax ย้ำ ไม่เคยทิ้ง แต่ศึกษามาตลอด

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว​ถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องไทยพิจารณากลับเข้ารับวัคซีนโควิด-19 ผ่านโครงการ Covax ว่า การพิจารณาของไทย ไม่ได้หมายความว่า การที่ไทยไม่ได้เข้าร่วมในปีนี้ถือว่าผิดแผน ผิดพลาด ล้มเหลว แต่ไทยตัดสินใจบนสถานการณ์จริง ที่ปี 2564 ทั่วโลกต้องการวัคซีนมากมายมหาศาล ทางCovax ก็เช่นกัน ต้องประสบกับความยากลำบากในการจัดหา ซึ่งก็ปรากฏเป็นข่าวอยู่เนืองๆ ปัจจุบันนี้ ค่าเฉลี่ยการกระจายวัคซีนให้ชาติสมาชิกอยู่ที่ประเทศละ 1 ล้านโดส และในความเป็นจริงบางชาติได้รับหลักล้าน แต่บางชาติได้รับหลักหมื่น โครงการCovax สำหรับปี 2564 ยังมีความไม่แน่นอนอยู่สูง ดังนั้น ไทยจึงไม่ได้หวังพึ่งจากโครงการนี้เป็นหลัก แต่ได้เข้าไปจัดหากับผู้ผลิตโดยตรง

ซึ่งหากมองในมุมของประเทศไทยที่มีการซื้อวัคซีนตรงกับบริษัทผู้ผลิตที่เราตกลงกันไว้ตั้งแต่ เดือนกันยายน 2563 ทำให้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2564 จนถึงสิ้นเดือน กรกฎาคม 2564 ไทยเรามีวัคซีนรวมสะสมทั้งสิ้นประมาณ 27 ล้านโดส แบ่งเป็นแอสตราเซเนกา ราว 12 ล้านโดส และซิโนแวคอีก 15 ล้านโดส และยังมีส่วนที่ได้รับการบริจาคราว 3.5 ล้านโดสเป็นวัคซีนแอสตราเซเนกา 1 ล้านโดสที่เราได้รับจากประเทศญี่ปุ่น, วัคซีนซิโนแวค 1 ล้านโดสจากประเทศจีน และวัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดสที่จะเข้ามาปลายเดือนนี้

“ย้อนกลับไปตอนที่ไทยมีแผนวัคซีน เราไม่ได้เลือกCovax เป็นแผนหลัก เพราะตอนนั้นเราไม่อยากวางเงินซื้อ ซึ่งเรารู้ดีว่าหลังจากนั้น เราจะกำหนดอะไรไม่ได้ ทางไทยจึงกันงบไว้จัดซื้อจัดหากับผู้ผลิตโดยตรง ที่การพูดคุยหารือยังเป็นไปได้มากกว่า”

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ปัจจุบันของโครงการCovax มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ไทยและโคแวกซ์ได้หารือกันมาตลอด มีคณะทำงานที่ตั้งขึ้นมาเพื่อพิจารณาในเรื่องนี้โดยเฉพาะ พบว่า ในปี 2565 การกักตุนวัคซีนจะน้อยลง โคแวกซ์ จะมีวัคซีนเข้ามามากขึ้น บริหารจัดการง่ายขึ้น ชาติสมาชิกจะมีความชัดเจนเรื่องการได้รับวัคซีน ไทยจึงเข้าร่วม เราตัดสินใจบนสถานการณ์จริง

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube