ผู้ว่าประกาศเตรียมรับผู้ป่วยชาวศรีสะเกษติดเชื้อโควิด-19 จากจังหวัดควบคุมสูงสุด หากประสงค์ย้ายมาพักรักษาตัวที่ศรีสะเกษ
นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้ประกาศขอความร่วมมือว่า เพื่อเป็นการควบคุมโรคตามมติ ศบค.และคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.ศรีสะเกษ ผู้ที่จะเดินทางจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ให้ปฏิบัติดังนี้คือ หากทราบผลการตรวจว่ามีการติดเชื้อโควิด-19 ต้องไม่ปกปิดและแจ้งให้หน่วยงานสาธารณสุขที่ตนพำนับทราบโดยเร็ว และจะจัดสรรให้เข้ารับการรักษาโดยเร็วไม่เคลื่อนย้ายข้ามจังหวัด หากเดินทางออกมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดแล้วให้แจ้งหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ปลายทาง หรือ อสม.ในพื้นที่ให้ทราบก่อนและให้กักตัวสังเกตอาการที่บ้าน 14 วันปฏิบัติตาม DMHITA อย่างเคร่งครัด ทางหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่จะเข้าทำการสอบสวนและตรวจท่านต่อไป หากท่านมีอาการเจ็บป่วยจำเป็นต้องเข้ารับการตรวจรักษาที่หน่วยบริการสาธารณสุขให้แจ้งประวัติการเดินทางการสัมผัสผู้ป่วยหรือสงสัยว่าป่วยเป็นโควิด-19 และอาการอย่างละเอียดเพื่อให้การสอบสวนและควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที
ทั้งนี้ผู้ป่วยชาวจังหวัดศรีสะเกษที่ยืนยันติดเชื้อโควิด-19 จากจังหวัดอื่น ๆ หรือผู้ป่วยที่มีอาการห้ามเดินทางเองโดยพละการเด็ดขาด หากประสงค์ย้ายมาพักรักษาตัวที่ จ.ศรีสะเกษ ให้ติดต่อโรงพยาบาลตามภูมิลำเนาเดิมของท่านตามอำเภอต่าง ๆ เพื่อรับส่งต่อ โดยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทร 065 – 2400691, 065 – 2400680, 065 – 2400688
ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยด้วยว่า ทั้งนี้ ผู้ป่วยชาวศรีสะเกษที่ติดเชื้อโควิด-19 หากมาจากจังหวัดควบคุมสูงสุดและต้องการมาพักรักษาตัวที่ จ.ศรีสะเกษ จะต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้รับทราบโดยด่วนที่สุด เพื่อจะได้จัดเกรดผู้ป่วยว่า เป็นผู้ป่วยระดับใด และจะได้ช่วยวางแผนการเดินทางให้ หากป่วยหนักก็จะต้องนำเข้า รพ.เพื่อให้แพทย์ พยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิด แต่หากว่าอาการไม่หนักมากก็จะให้เข้าพักรักษาตัวที่ รพ.สนาม โดย จ.ศรีสะเกษเตรียมจะเปิด รพ.สนามที่อาคารพลศึกษาวีสมหมาย ในวันที่ 5 ก.ค. 2564 นี้ โดยจะมีแพทย์พยาบาลประจำตลอด 24 ชม.เพื่อดูแลรักษาผู้ป่วยชาว จ.ศรีสะเกษ ที่มาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและติดเชื้อโควิด-19 อย่างเต็มที่
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
