พ่อเด็ก 10 ขวบเหยื่อลวงออนไลน์คาใจตำรวจไซเบอร์โยนบาปเด็กซื้อไอเท็มเกมเอง แฉขั้นตอนลวงขอบัตรประชาชน-รูปพ่อ
ผู้สื่อข่าวได้ติดตามความเคลื่อนไหวในเรื่องนี้จากฝั่งของนายณรงฤทธิ์ ผู้เสียหายที่ถูกถอนเงินไปจากบัญชี ได้เปิดเผยอีกครั้งว่ายอมรับว่าตกใจและยังมึนงงกับการแจ้งข้อมูลของตำรวจไซเบอร์ กลายเป็นว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะเด็กรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และในการพูดคุยกับตนเองเสมือนว่าตนเองเข้าไปส่วนรู้เห็นด้วย โดยที่ไม่ได้บอกเลยว่าพฤติการณ์ที่เด็กให้ข้อมูลนั้น การล่อลวงเอาบัตรประชาชนของพ่อ การชักชวนล่อลวงไม่ให้เด็กบอกพ่อถึงการส่งข้อมูลส่วนตัวของพ่อให้ เด็กมีอายุเพียง 10 ขวบเท่านั้น
รวมทั้งข้อสงสัยในเรื่องการแจ้งเตือนข่าวตำรวจที่ออกมานั้นฟังเหมือนว่าความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นของตนเองนั้นเป็นเรื่องไม่จริง ถูกสังคมว่ากล่าวเสียๆหายๆขอยืนยันว่าตนเองไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเลย และขอยืนยันว่าการทำธุรกรรมของตนเองทุกครั้งโดยเฉพาะการโยนเงินจะไปทำด้วยตัวเองที่ธนาคารผ่านสลิปหลักฐานที่เป็นกระดาษทุกครั้ง ส่วนแอปธนาคารในโทรศัพท์ที่เกี่ยวข้องนั้นเจ้าหน้าที่ได้ติดตั้งไว้ให้ แต่ไม่เคยได้ใช้เพราะกลัวเหตุการณ์แบบนี้ และจะเข้าขอความช่วยเหลือกับสภาทนายบความจังหวัดนครศรีธรรมราช
ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับลูกชายอายุ 10 ขวบของผู้เสียหายรายนี้ ได้เล่าให้ฟังอย่างละเอียดถึงขั้นตอนของการพูดคุยกับปลายทางพร้อมทั้งพฤติการณ์ที่ถูกชักจูงล่อลวงว่า มีการคุยกันทางอนอนไลน์และโทรมาจากนั้นตนเองจะเอาโทรศัพท์ไปให้พ่อเขาบอกว่าไม่ต้องเอาให้แต่ขอเบอร์ หลังจากนั้นได้มีการเสนอให้รหัสเกมส์ ให้ตัวละคร และให้สมัครทรูมันนี่ ให้สมัครตามเขาแล้วให้ใส่รหัสโอทีพี ที่มีมาให้เราก็ใส่ไป ตอนนั้นก็แชทไลน์กันแล้ว สมัครเสร็จเขาก็ให้รหัสเกมส์มา ตอนนั้นก็เล่นเกมส์กันหลังจากนั้นก็มีลิงค์มาให้เข้าใจว่าเป็นลิ้งค์เล่นเกมสกันแต่เมื่อเข้าไปมันโหลดช้าเลยออกมา เด็กชาย 10 ขวบเหยื่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ รายนี้ยังยืนยันด้วยว่าเขาขอบัตรประชาชนพ่อและวีดีโอหน้าพ่อ ได้เอาของตัวเองให้ไปแต่เขาบอกว่าไม่ได้ ส่วนเงินที่ออกไปนั้นไม่รู้เลย มารู้เมื่อตอนที่พ่อเอาสมุดบัญชีไปธนาคารแล้วรู้ว่าเงินหายไป
เกม,โดนหลอก,มิจฉาชีพ,เตือนภัย
ขณะที่นายลือชา เปี่ยมสุวรรณ ประธานสภาทนายความภาค 8 ได้ทราบข้อมูลเบื้องต้น โดยได้มีการประสานงานเพื่อขอความช่วยเหลือในคดี จากสภาทนายความภาค 8 และสภาทนายความจังหวัดนครศรีธรรมราช นายลือชาได้ให้ความเห็นเบื้องต้นว่า พฤติการณ์ที่มีการติดต่อกับเด็กที่มีอายุเพียง 10 ขวบ นั้นเห็นถึงวุฒิภาวะของเด็กอยู่แล้วว่ายังไม่เพียงพอการล่อลวงขอเอกสารของพ่อเด็กโดยมีการสำทับไว้ว่าอย่าบอกพ่อแสดงนั้นถึงเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์อยู่แล้ว และวงเงินกว่า 1.2 ล้านบาท
เป็นเรื่องที่เกินวิสัยของเด็ก 10 ขวบที่จะทำธุรกรรมได้โดยชอบ ดังนั้นเหตุการณ์ทำนองนี้จึงอาจเข้าข่ายพฤติกรรมความผิดลักษณะฉ้อโกง ล่อลวงเด็ก ซึ่งขอให้ทางฝั่งผู้เสียหายมาทำเรื่องที่สภาทนายความจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อขอความช่วยเหลือในเรื่องนี้ได้
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องรายหนึ่งแสดงความกังขาต่อการให้ข้อมูลของตำรวจไซเบอร์เสมือนหนึ่งว่าเป็นความผิดของเด็ก ความผิดของพ่อเด็ก เข้าทำนองโอละพ่อเพราะเด็กซื้อไอเท็มเกมส์แล้วจะไม่ดำเนินการอะไรต่อใช่หรือไม่ พฤติการณ์ล่อลวงเด็กให้ส่งหลักฐานส่วนตัวของพ่อจนนำไปสู่การโยกเงินออกจากบัญชี ไม่เป็นความผิดใช่หรือไม่ ซึ่งไม่ใช่การกระทำของเด็ก
คำถามที่เกิดขึ้นในเรื่องนี้อีกมากเจ้าหน้าที่ไม่ต้องดำเนินการเลยหรือไม่ เพราะบอกว่าเป็นความผิดพลาดของเด็กเอง เมื่อมีการขยายผลหาบัญชีปลายทางกลับพบว่ามีบัญชีรับเงินอย่างน้อย 4 บัญชี ที่ดูเหมือนคล้ายบัญชีม้าซึ่งทางตำรวจมีข้อมูลอยู่แล้วจะทำอย่างไรกับเหตุการณ์นี้ขณะนี้ฝั่งผู้เสียหายอยู่ในสภาพเหมือนถูกลอยแพ ล่าสุดนั้นกำลังจะไปขอความช่วยเหลือจากสภาทนายความเป็นที่พึ่ง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
