สลด เจ้าหน้าที่พบศพหญิงสาวจมน้ำในรถเก๋งหลังตกร่องข้างทางในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ลึก 20 เมตร
เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรปราณบุรีได้รับแจ้งว่าพบรถยนต์เก๋งตกอยู่ในร่องข้างทางมีผู้เสียชีวิตอยู่ในรถ บนถนนเพชรเกษมสายเก่าปราณบุรีหัวหิน เป็นถนน 2 เลนรถวิ่งสวนกัน ห่างจากก่อนถึงสะพานต่างระดับบายพาสปราณบุรี ประมาณ 50 เมตร หน้าปากซอย วังก์พง 28 ม.3 ต.วังก์พง อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จึงรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วยอาสาสมัครหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างแผ่ไพศาลธรรมสถานปราณบุรี
โดยที่เกิดเหตุพบเป็นร่องน้ำข้างถนนลึกลงไปประมาณ 20 เมตรพบรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า สีขาว ประจวบฯ พลิกคว่ำจมอยู่ในน้ำประมาณ 30 ซ.ม.ด้านหน้ารถได้รับความเสียหายชนกับต้นไม้จนหัก ประตูทั้ง 4 ด้านยังปิดสนิท เจ้าหน้าที่เข้าไปสังเกตภายในรถพบมีร่างคนติดอยู่ภายในจึงรีบช่วยกันหาทางเปิดประตูออกมาต้องใช้วิธีการเปิดจากประตูท้ายเข้าไปตรวจสอบพบร่างหญิงสาว สวมเสื้อยืดแขนสั้นสี ดำ ใส่กางเกงยีนส์ขายาว สีดำ นอนตะแครงศีรษะจมอยู่ในน้ำเสียชีวิต
เจ้าหน้าที่จึงได้ช่วยกันนำร่างออกมาจากรถ พบที่ใบหน้าบริเวณคางพบบาดแผล ยาวประมาณ 5 ซ.ม.มีน้ำไหลเป็นฟองออกจากปาก ตรวจตามร่างกายไม่พบบาดแผลแต่อย่างไร พบเอกสารสำเนารถ ประกันภัยรถยนต์อยู่ภายในรถ ทราบชื่อ ทราบชื่อนางสาวอชิรญา อายุ 31 ปี ม. 3 ต.เขาน้อย อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์
จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุบนถนนไม่พบร่องรอยการเบรก หญ้าข้างทางเป็นร่องรอยรถยนต์ตกลงไปชนกันต้นไม้ในร่องจนต้นไม้หักทำให้รถยนต์ตกลงไปในร่องน้ำพลิกคว่ำ
จากการสอบถามชาวบ้าน เล่าให้ฟังว่า บ้านอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 300 เมตร เมื่อประมาณตีหนึ่งกว่าได้ยินดังโครม1ครั้ง ตกใจตื้นขึ้นมาพร้อมสามีไม่กล้าออกมาข้างดูนอกมืดมากเพราะบ้านหลังเดียว ก็คิดว่าเป็นเสียงฟ้าผ่าก็ไม่คิดอะไร ตอนเช้าได้ยินเสียงรถมูลนิธิวิ่งมาจอดอยู่ไม่ไกลจากบ้านจึงได้เดินออกมาก็ทราบว่ามีอุบัติเหตุมีคนเสียชีวิตตกใจมาก ตัวยังสั่นอยู่เลย
ในเบื้องต้นคาดว่า รถยนต์คันดังกล่าวน่าจะทางอำเภอหัวหิน เพื่อกลับบ้านที่อำเภอปราณบุรี เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ช่วงนั้นมีฝนตกหนักอาจทำให้รถยนต์อุบัติเหตุลื่นจนเสียหลักตกลงไปในร่องน้ำข้างทางพลิกคว่ำศีรษะจมเสียชีวิตดังกล่าว
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
