fbpx
Home
|
ภูมิภาค

พิจิตรโควิดดีขึ้นปิดรพ.สนาม บึงสีไฟ144เตียง

Featured Image
พิจิตรบุคลากรทางการแพทย์โบกมือลา รพ.สนาม บึงสีไฟ 144 เตียง เหตุไม่มีผู้ติดเชื้อโควิดขอใช้บริการแล้ว

นพ.วิศิษฐ์ อภิสิทธิ์วิทยา และ ดร.ธานี โชติกคาม ซึ่งทั้งสองท่านเป็น รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิจิตร พร้อมด้วย นายสุบิน ศรีบุศกร รองนายกอบจ.พิจิตร และ สจ.อนุศร คำจริง พร้อมด้วยทีมงานได้ร่วมกันลงพื้นที่ไปยังศูนย์ปกป้องคนพิจิตร หรือ รพ.สนามอุทยานบัว บึงสีไฟ เพื่อเคลียร์พื้นที่และฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโควิด ทั้งนี้สืบเนื่องจาก รพ.สนามแห่งนี้ ดำเนินการจัดตั้งโดย พ.ต.อ. กฤษฎา ภัทรประสิทธิ์ นายก อบจ.พิจิตร รวมถึง สสจ.พิจิตร และจังหวัดพิจิตรเป็น รพ.สนาม ขนาด 144 เตียง มีทั้งที่เป็นอาคารและเป็นเต็นท์สนามติดแอร์เปิดให้บริการเป็นที่พักรักษาผู้ป่วยโควิดกลุ่มสีเขียวครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 เมษายน 64 ถึงวันนี้รวมระยะเวลาการใช้ประโยชน์ของ รพ.สนาม แห่งนี้ 4 เดือน 10 วัน และวันนี้สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิดภายในจังหวัดพิจิตรลดลงทำให้ไม่มีผู้มาขอใช้บริการใน รพ.สนามแห่งนี้

ดังนั้นทุกฝ่ายจึงเห็นพ้องต้องกันว่าควรปิดศูนย์ปกป้องคนพิจิตร หรือ รพ.สนามอุทยานบัว บึงสีไฟ โดยจะให้เป็นสถานที่สแตนด์บายหากเกิดวิกฤตกลับมาอีกครั้ง

โดย นพ.วิศิษฐ์ กล่าวว่า รพ.สนามแห่งนี้เปิดให้บริการวันแรกเมื่อวันที่ 27 เมษายน 64 มีทั้งหมด 144 เตียง ดูแลรักษาผู้ป่วยแล้วทั้งสิ้น 574 ราย แต่ละคนเฉลี่ยนอนพักรักษาตัว 10 วัน แต่มีผู้ป่วยที่นอนพักรักษาตัวยาวนานที่สุดคือ 49 วัน คิดเป็นผู้ป่วยนอนรักษาตัว รวม 5 พันวัน นอนใน รพ.สนามแห่งนี้ ส่วนผู้ป่วย 9 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มสุดท้าย คือ เมื่อวันที่ 4 กันยายน 64 ผลตรวจเป็นลบ จึงให้กลับบ้านได้และจากวันนั้นถึงวันนี้ก็ไม่มีผู้ขอใช้บริการอีกเลย ดังนั้น ศบค.พิจิตร จึงตัดสินใจปิด รพ.สนามแห่งนี้ และให้เก็บกวาดทำความสะอาดสแตนด์บายให้พร้อมใช้ได้ทันทีหากมีเหตุวิกฤตฉุกเฉินเกิดขึ้นอีก

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าจังหวัดพิจิตรเคยพบผู้ป่วยโควิดสูงสุดมากถึง 215 ราย ต่อวันแต่ล่าสุดวันนี้พบผู้ป่วยรายใหม่เพียงแค่ 22 ราย และเกินครึ่งหนึ่งก็เป็นผู้ป่วยที่เป็นชาวพิจิตรแต่ไปอยู่ กทม.หรือปริมณฑล และตามจังหวัดต่างๆที่เป็นพื้นที่สีแดงกลับมาขอพักรักษาในภูมิลำเนาบ้านเกิดที่พิจิตร

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube