fbpx
Home
|
ภูมิภาค

เปิดใจตร.ปลอมตัวเป็นพระจับคดีฆ่าทิ้งศพ

Featured Image
เปิดใจตำรวจท่องเที่ยว ปลอมตัวเป็นพระ ตามจับผู้ต้องหา คดีฆ่าทิ้งศพ เมื่อ 10 ปีก่อน เผยเคยรับราชการอยู่กองปราบ

จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ตำรวจท่องเที่ยว บก ทท.2 บช ทท. อำพรางตัวเป็นพระสงฆ์ เข้าทำการจับกุมตัว นายสนธ์  อายุ 55 ปี อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาล จ.สว่างแดนดิน ที่ 39/2554 ลงวันที่ 21 ก.ย.2554 ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตน โดยไตร่ตรองไว้ก่อน หน่วยเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดๆ โดยให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ซึ่งจับกุมตัวได้ขณะหลบซ่อนตัวอยู่ในกระท่อม ภายในสวนยางพารา พื้นที่ ต.ผาสุก อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี ตามความที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ พ.ต.ท.วโรดม ทองใบ สว.กก.1 บก.ทท.2 (ขอนแก่น) พร้อมด้วย ร.ต. อ. ธานินทร์ เทพชารี รอง สว. กก.1 บก ทท.2 เจ้าของความคิดและการวางแผนจับกุมผู้ต้องหารายดังกล่าว ได้ร่วมพูดคุกับสื่อมวลชน ถึงแผนการดังก่าว ซึ่ง ร.ต.อ.ธานินทร์ กล่าวว่า เคยรับราชการอยู่กองปราบปราม เมื่อย้ายมาอยู่ชุดสืบสวนตำรวจท่องเที่ยว บก ทท.2 ก็สนใจในคดีต่างๆ เช่นเดียวกับคดีของนายสนธิ์ ที่ศาลออกหมายจับมาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว แต่จับไม่ได้ เมื่อเห็นหมายจับจึงคิดว่าลองสืบสวนดูตามแนวทางการทำงานของการสืบสวนในคดีสำคัญอื่นๆ

 

เปิดใจ-ตำรวจท่องเที่ยว 2

 

” ชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ ไปยังบ้านหมู่บ้านที่ผู้ต้องหาเคยอาศัยอยู่ และมีครอบครัวอยู่ จนทราบว่า ผู้ต้องหาหลบหนีออกนอกพื้นที่ไปตั้งแต่ พบศพคนถูกฆ่าตาย แล้วโยนศพทิ้งน้ำในเขื่อนน้ำอูน อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร เมื่อปี 2554 ซึ่งการลงพื้นที่ในแต่ละครั้งนั้น ทำให้ทราบว่า การสืบสวนจับกุมผู้ต้องหารายดังกล่าวนั้น น่าจะยาก เพราะด้วยนิสัยของคนอีสาน เป็นคนโอบอ้อมอารี รักใคร่กัน จึงไม่มีคนให้ข้อมูล แต่ก็พยายามหาแหล่งข่าวในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งทราบจากแหล่งข่าวว่า เมื่อปี 2563 ผู้ต้องหาพร้อมภรรยาคนที่3 เดินทางกลับจากทางภาคใต้ มาทำบัตรประชาชนที่ อ.วังสามหมอ

จากนั้นก็ไม่มีใครพบตัวอีกแต่แหล่งข่าวแจ้งว่า ลูกชายของผู้ต้องหา 2 คน ได้บวชเรียนที่วัดแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี จากนั้น ประมาณเดือนเมษายน 2564 จึงลองปลอมตัวเป็นนักท่องเที่ยว เข้าไปเที่ยวทำบุญที่วัดดังกล่าว ก็พบเณร 2 รูปจริง

จึงคิดว่า ลูกบวชเรียน มีชาวบ้านตักบาตร ข้าวสาร อาหารแห้ง รวมถึงปัจจัยก็น่าจะมี คนเป็นพ่อแม่ น่าจะเดินทางมาเยี่ยมลูก หรือรับเอาสิ่งของจากลูกที่บวชเณรในวัด และพระสงฆ์หรือสามเณร คนไทยจะให้ความเคารพศรัทธา ตำรวจน่าจะพรางตัวเป็นพระสงฆ์ เพื่อเฝ้าดูพฤติกรรมของบุคคลที่ไปมาหาสู่กับสามเณร ทั้ง2 รูป

เพื่อนำไปสู่การจับกุมนายสนธ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าว จึงนำแนวคิดดังกล่าวมาหารือกันในทีมสืบสวน โดยคุยกันว่า ต้องมี 1 คนสละตัวในการโกนผมเพื่ออำพรางตัวเป็นพระสงฆ์ เข้าไปอยู่ในวัดประมาณ 7-10 วัน จากนั้นก็มีคนสละตัวเองเพื่ออำพรางเป็นพระสงฆ์เข้าไปอยู่ในวัด โดยแจ้งกับทางวัดว่า อำพรางตัวเพื่อสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาในคดียาเสพติด ทางวัดก็อนุญาตให้ตำรวจที่อำพรางตัวเข้าไปอยู่ในวัด”

วันที่ 4 มิ.ย. เป็นวันแรกที่ตำรวจอำพรางตัวเข้าวัด ซึ่งเป็นวันที่โชคเข้าข้างมาก เพราะในวันดังกล่าว ภรรยานายสนธ์ ขับขี่รถจักรยานยนต์พ่วงมาขายกบในหมู่บ้าน และแวะมาขอกับข้าวกับเณรที่วัด เมื่อได้แล้วก็ขับขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน ตำรวจที่อำพรางตัวเป็นพระ จึงรีบส่งสัญญาณให้ทีมที่แฝงตัวอยู่รอบนอก ตามภรรยานายสนธ์ ไป ทีมสืบสวนจึงใช้รถจักรยานยนต์ของแหล่งข่าว ขับขี่ตามรถคันดังกล่าวไป เป็นระยะทาง 10 กม. จึงถึงที่พัก

 

 

ซึ่งมองเห็นกระท่อมในป่าสวนยาง เป็นที่พักของนายสนธ์ และภรรยา ต่อมาในวันที่ 5 มิ.ย. ทีมสืบสวนจึงนำกำลังพร้อมหมายจับของศาล เข้าจับกุมตัวนายสนธ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาล จ.สว่างแดนดิน ได้ที่กระท่อมภายในสวนยางดังกล่าว

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube