fbpx
Home
|
อาชญากรรม

นักกฎหมายเชื่อ อดีตพระกาโตะ เป็นเหยื่อ ถูกขู่รีดเงิน

Featured Image
เปิดมุมมองนักฎหมาย เชื่อ อดีตพระกาโตะ อาจเป็นเหยื่อ ถูกหญิงสาว “แบล็กเมล์” ข่มขู่รีดทรัพย์ พร้อมยกคำพิพากษาศาลฏีกาเทียบเคียงคดี ขณะชาวโซเชียล แนะให้ฟ้องร้องเอาเงินคืน

นายอนุสรณ์ อะสุระพงษ์ หรือ ทนายชายพัฒน์ ทนายชื่อดังจากสื่อโซเชียลมีเดีย ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับ กรณีของอดีตพระนักเทศน์ชื่อดัง มีความสัมพันธ์กับโยมสีกา โดยได้โพสต์ข้อความเป็นความรู้ทางด้านกฎหมายในเพจเฟซบุ๊ค “ทนายพัฒน์ ปรึกษาฟรี.0878133012” ว่า

จากที่ฟังอดีตพระ กต. ออกมาให้สัมภาษณ์ในรายการดัง ผมเห็นว่า อดีตพระน่าจะตกเป็นเหยื่อนะ เพราะเท่าที่ดูฝ่ายหญิงค่อนข้าง มีคลิป มีข้อความ และอื่น ๆ ประกอบ หากดูยอดเงินก็มีการเรียกหลายครั้งหลายครา จนน่าตกใจ ผิดวิสัยทั่วไป..
ซึ่งพฤติการณ์รับฟังได้ว่า ฝ่ายหญิงอาจเข้าข่าย “แบล็กเมล์” อันอาจเป็นความผิดฐานรีดเอาทรัพย์ (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 338 บัญญัติว่า ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่น ให้ยอมให้ หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยขู่เข็ญว่าจะเปิดเผยความลับซึ่งการเปิดเผยนั้นจะทำให้ผู้ถูกขู่เข็ญหรือบุคคลที่สามเสียหาย จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานรีดเอาทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท)
#หลวงพี่อายุน้อยไม่ทันเกม
#พระก็ผิด เพราะกิเลส อันนี้ก็ไม่น่าให้อภัย ส่วนโยมสีกาแสบก็หากินกับพระ อาศัยจะเปิดความลับอย่างเดียว แสบจริง ๆ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าทำอะไรลงไปด้วยความมักง่าย …

 

พร้อมกันนี้ ทนายชายพัฒน์ ยังมีการตั้งคำถาม ถึงกรณีดังกล่าว ว่า
1. ทำไมสีกามีแชตลับตลอด ไม่เคยลบ (ปกติหากพิศวาสกันแบบคนรักกันจริงย่อมลบเพื่อปกปิดข้อมูลช่วยอีกฝ่าย)
2. ทำไมสีกามีคลิปเสียงเรื่อย ๆ และคำพูดคำจา เหมือนจะมัดตัวอีกฝ่ายตลอด
3. ทำไมสีกาเรียกแต่เงิน และจำนวนที่มากเกินวิสัย หลักแสน เพียงได้กันไม่กี่ครั้ง
4. เวลาให้สัมภาษณ์สื่อ เหมือนสีกาไม่สะทบสะท้าน และจะแฉอย่างเดียว แลโยนความผิดให้แต่พระตลอดนะ

เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์ต่างๆเหล่านี้ทั้งหมดประกอบกันแล้วน่าจะรับฟังได้ว่าเป็นการรีดเอาทรัพย์จากอีกฝ่ายหนึ่ง (พระเป็นเหยื่อ) อันเป็นความผิดฐานรีดเอาทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 338 หรือไม่

#สงสัยจริงเชียว #คนดีจะคุยไลน์กับพระแบบนี้ไหม? #อยากคุยกับอดีตพระนะ เห็นแล้วขึ้น!!!

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12685/2558 การขู่เข็ญว่าจะเปิดเผยความลับซึ่งเป็นองค์ประกอบความผิดตาม ป.อ. มาตรา 338 หมายความว่า การขู่เข็ญว่าจะเปิดเผยเหตุการณ์ข้อเท็จจริงที่ไม่ประจักษ์แก่บุคคลทั่วไป และเป็นข้อเท็จจริงที่เจ้าของความลับประสงค์จะปกปิดไม่ให้บุคคลอื่นรู้ ดังนี้ ความลับจึงไม่จำเป็นต้องเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือผิดศีลธรรมอันดีของประชาชน หากเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงและเจ้าของข้อเท็จจริงประสงค์จะปกปิดไม่ให้บุคคลอื่นรู้ก็ถือว่าเป็นความลับแล้ว

 

เมื่อฎีกาของจำเลยยอมรับข้อเท็จจริงว่าจำเลยมีภริยาอยู่แล้ว แต่จำเลยกับผู้เสียหายสมัครใจมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกันมาประมาณ 1 ปี ข้อเท็จจริงที่จำเลยกับผู้เสียหายมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกันจึงเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจริง เมื่อเป็นการกระทำที่ผิดศีลธรรมอันดีของประชาชน แสดงว่าผู้เสียหายประสงค์จะปกปิดไม่ให้บุคคลอื่นโดยเฉพาะภริยาจำเลยรู้เรื่องดังกล่าว เรื่องนั้นจึงเป็นความลับของผู้เสียหาย การที่จำเลยขู่เข็ญผู้เสียหายว่าหากผู้เสียหายไม่นำเงินจำนวน 20,000 บาท มาให้จำเลย จำเลยจะนำเรื่องความสัมพันธ์ฉันชู้สาวระหว่างจำเลยซึ่งมีครอบครัวแล้วกับผู้เสียหายไปเปิดเผยต่อบุคคลอื่น จึงเป็นการขู่เข็ญว่าจะเปิดเผยความลับของผู้เสียหาย ครบองค์ประกอบความผิดตาม ป.อ. มาตรา 338

 

ซึ่งภายหลัง ทนายได้โพสต์ข้อความดังกล่าว ได้มีแฟนเพจ เข้าไปแสดงความคิดเห็นกันจำนวนมาก มีทั้งระบุว่า เป็นความผิดของทั้งคู่ และบางคนแนะนำให้ อดีตพระ ฟ้องกลับเพื่อเอาเงินคืน

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

 

 

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube