fbpx
Home
|
อาชญากรรม

DSIจับผู้ค้าซิมเถื่อน2รายใหญ่ยึดร่วมแสนซิม

Featured Image
ดีเอสไอจับผู้ค้าซิมมือถือรายใหญ่ได้ 2 เจ้า ยึดของกลางกว่า 1 แสนซิม คาดเกี่ยวข้องเว็บไซต์พนันออนไลน์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์

 

 

 

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ ดีเอสไอ ร่วมแถลงผลการจับกุมผู้ค้าซิมมือถือรายใหญ่ 2 ราย หลังสืบสวนพบพฤติการณ์จำหน่ายและรับลงทะเบียนเปิดใช้บริการไม่ถูกต้อง

 

 

 

นายสมศักดิ์ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สืบสวนขยายผลจากข้อมูลที่พบว่ามีการประกาศขายซิมมือถือผ่านทางสื่อออนไลน์2ร้านค้าพบในคันนายาวกรุงเทพมหานคร1 แห่ง และ ที่อำเภอขุนตาล เชียงราย 1 แห่ง โดยพฤติการณ์ร้านจำกน่ายซิม ที่คันนายาว จำหน่ายซิมและรับลงทะเบียนเปิดใช้บริการ ส่วนอีกแห่งที่เชียงรายจะจัดหาซิมมาจำหน่าย และเปิดใช้บริการให้ตามออเดอร์ ที่ได้รับจอง เบื้องต้น 2 ร้านค้า ยังไม่พบว่า เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกัน

 

 

 

 

ด้าน นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอเปิดเผยว่าผลการเข้าตรวจสอบร้านค้าทั้งสองแห่งจุดแรกเขตคันนายาวกรุงเทพมหานคร พบของกลางเป็นซิมที่ลงทะเบียนแล้วและที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนรวมกันกว่าหนึ่งแสนหมายเลข โดยพบว่า เป็นซิมที่ลงทะเบียนโดยบัตรประชาชนชาวเมียนมาและกัมพูชา จำนวน 8,500 หมายเลข และที่ลงทะเบียนโดยเจ้าของร้านที่เป็นคนไทย อีกจำนวน 1,500 หมายเลข รวมยึดเพื่อตรวจสอบทั้งสิ้น จำนวน 10,000 หมายเลข และได้ยึดคอมพิวเตอร์และเครื่องโทรศัพท์ดัดแปลงสำหรับใช้ลงทะเบียน จำนวน 9 เครื่อง

 

 

 

 

ขณะเดียวกันในจุดที่ 2 ที่อำเภอขุนตาลจังหวัดเชียงราย เป็นร้านขายโทรศัพท์และอุปกรณ์ ร้านดังกล่าวจะไม่มีการเก็บซิมสำรอง หากลูกค้าต้องการเมื่อใดต้องสั่งจองล่วงหน้า ผลการตรวจค้นพบภาพถ่ายบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยจำนวนมาก และพบไฟล์สั่งซื้อซิมโทรศัพท์มือถือที่ลงทะเบียนแล้วอีกหลายรายการ จึงได้รวบรวมหลักฐานทั้งหมดเพื่อสืบสวนและนำเข้าคณะอนุกรรมการกลั่นกรอง เพื่อเสนอเป็นคดีพิเศษแล้ว พร้อมตั้งข้อสันนิษฐานว่า ผู้สั่งซื้อซิมเหล่านี้ อาจจะเกี่ยวข้องในกลุ่มขบวนการแก๊งคอลเซนเตอร์ หลอกให้โอนเงินหรือก่ออาชญากรรมอื่น เช่น พนันออนไลน์ หลอกลวงกู้เงินผ่านลิงก์ออนไลน์ รวมถึงใช้ในวงการค้ายาเสพติด

 

 

นอกจากนี้ ได้ฝากเตือนผู้ประกาศขายซิม ผู้ลงทะเบียน และผู้ใช้ อาจมีความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์มาตรา 14 (1) และ (2) มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานทำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม จำหน่ายหรือมีไว้ครอบครอง ใช้หรือมีไว้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม มาตรา 269/1 และมาตรา 269/4 มีโทษจำคุกตั้งแต่1 – 7 ปี ปรับ 20,000 – 140,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ควรจะต้องมีการควบคุมและสอดส่องดูแลเรื่องนี้ให้ดี อาจจะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ให้มีความรัดกุมมากกว่านี้ ทางค่ายผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือก็เช่นเดียวกันต้องมีความรอบคอบในการปล่อยชิมออกมาให้กับตัวแทนจำหน่าย (ดีลเลอร์) ไม่ใช่แค่ขายออกมาอย่างเดียวต้องมีการคัดกรองที่เข้มงวด รวมถึงการสอดส่องดูแลพนักงานที่แอบนำออกมาขายด้วย เพราะถือเป็นการสร้างความเดือดร้อนและความเสียหายให้กับประเทศชาติและประชาชน พร้อมเตือนประชาชนให้ระวังการนำหมายเลขบัตรประชาชนไปลงทะเบียนชิม และอย่ารับจ้างเปิดหมายเลขและบัญชีธนาคารเด็ดขาดเพราะท่านอาจจะกลายเป็นผู้ต้องหาโดยไม่รู้ตัว

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube