fbpx
Home
|
อาชญากรรม

ตร.พอใจอุบัติเหตุปีใหม่ 65 ลดลงตามเป้า

Featured Image
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พอใจปีใหม่ 2565 พบอุบัติเหตุและผู้เสียชีวิตลดลงตามเป้า พร้อมปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. แถลงผลการดำเนินการในการอำนวยการจราจร ป้องกันและลดอุบัติเหตุ และการบังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลัก ช่วงควบคุมเข้มข้น 7 วัน เทศกาลปีใหม่ 2565 พร้อมสั่งปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนฯ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่ง ผบ.ตร. สั่งดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค.2564 ถึงวันที่ 4 ม.ค.65 โดยตั้งเป้าลดจำนวนผู้เสียชีวิตไม่เกิน 388 คน บาดเจ็บไม่เกิน 3,339 คน หรือ ลดลงร้อยละ 5 จากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีที่ผ่านมา

 

ซึ่งจากการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ส่งผลให้สถิติอุบัติเหตุลดลงตามเป้าในทุกด้าน โดยเกิดอุบัติเหตุ จำนวน 2,707 ครั้ง ลดลงจากค่าเฉลี่ย 3 ปี (3,515 ครั้ง) จำนวน 808 ครั้ง หรือลดลงร้อยละ 22.99 ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิต จำนวน 333 ราย ลดลงจากค่าเฉลี่ย 3 ปี (388 ราย) จำนวน 76 ราย หรือ ลดลงร้อยละ 18.58 // จำนวนผู้บาดเจ็บ จำนวน 2,672 คน ลดลงจากค่าเฉลี่ย 3 ปี (3,572 คน) เป็นจำนวน 900 หรือลดลงร้อยละ 25.08

 

ทั้งนี้ จังหวัดที่มีสถิติอุบัติเหตุลดลงมากที่สุด คือ อำนาจเจริญ , ระยอง และพิจิตร // จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต 9 จังหวัด ได้แก่ นครนายก แพร่ สุโขทัย สมุทรสงคราม พังงา ตรัง สตูล ปัตตานี และยะลา โดยมีปริมาณรถ เข้า-ออกจาก กทม. จำนวน 7,540,156 คัน

สำหรับ การบังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลัก กวดขันวินัยจราจร พบผู้ที่ฝ่าฝืนทั้งสิ้น 573,837 ราย ข้อหาขับรถในขณะเมาสุรา 19,760 ราย (มากกว่าปีใหม่ปีที่แล้วคิดเป็น 41.52 %) ข้อหาไม่สวมหมวกนิรภัย 167,677 ราย และข้อหาขับรถเร็วเกินกฎหมากำหนด จำนวน 48,257 ราย

 

ส่วนกรณีมีคลัสเตอร์แพร่ระบาดของเชื้อ covid19 ในหลายพื้นที่เป็นจำนวนมากและมีเจ้าหน้าที่ตำรวจในหลายหน่วย ติดเชื้อหรือต้องเข้ารับการกักตัวดูอาการเป็นจำนวนมาก จึงทำให้หลายฝ่ายเกรงว่าจะทำให้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เพียงพอในการดูแลอำนวยความสะดวกและบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ต่างๆ

 

โดยเบื้องต้น จากการตรวจสอบข้อมูล พบว่าขณะนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจติดเชื้อหรือเข้ารับการกลับตัวดูอาการจำนวนหนึ่งซึ่งหากเทียบข้อมูลกับช่วงเวลาเดียวกันเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาพบว่าจำนวนน้อยกว่าหลายเท่าตัว อีกครั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกองบัญชาการตำรวจภูธรต่างๆได้มีการเตรียมแผนสำรองในการรับมือกรณีดังกล่าวไว้แล้ว จึงเชื่อว่าไม่น่าจะมีผลต่อการทำงานหรือการปฏิบัติหน้าที่ในแต่ละจุด แต่หากสถานการณ์การแพร่ระบาดใน LINE ขึ้นก็ได้เตรียมแผนสำรองในเรื่องดังกล่าวไว้แล้วโดยสามารถนำกำลังพลจากหน่วยต่างๆไปทำงานทดแทนได้หากมีความจำเป็น ชื่อว่าไม่น่าจะมีผลกระทบ

 

ส่วนกรณีของคลัสเตอร์ที่เกิดขึ้นจากร้านอาหารกึ่งผับที่มีการแปรสภาพให้สามารถเปิดได้ถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงมีบางสถานบันเทิงที่แอบเปิดให้บริการ เบื้องต้นได้สั่งการให้ตำรวจทุกหน่วยและทุกสถานีตำรวจลงไปตรวจสอบและกำชับไม่ให้มีการกระทำผิดหรือละเมิดกฎหมายต้นอาจเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อ covid19 ทุกสายพันธุ์ หากพบสถานที่ใดกระทำความผิดให้ดำเนินคดีอย่างเข้มงวด

 

ถึงแม้จะเริ่มมีการแพร่ระบาดเป็นคลัสเตอร์จากร้านอาหารกึ่งผับที่เปิดอยู่ในหลายพื้นที่แต่มองว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจในแต่ละจุดก็ไม่ได้ปล่อยปละละเลยโดยมีการออกตรวจร่วมกับสำนักงานเขตรวมถึงกับทางจังหวัดตลอดเวลา ถึงให้ไปปรับแผนการตรวจร่วมกับทางสาธารณสุขจังหวัดเพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดหรือการละเมิดกฎหมายจากสถานประกอบการต่างๆได้ ทั้งนี้หากพบว่าพื้นที่ใดมีการปล่อยปละละเลยจนเกิดการแพร่ระบาดก็จำเป็นต้องดำเนินการตามระเบียบที่มี

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebookhttps://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitterhttps://twitter.com/innnews

Youtubehttps://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTokhttps://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account@innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube