fbpx
Home
|
ข่าว

“พีระพันธุ์” เร่งกรมที่ดินแก้ปัญหาที่ดินอ.พระแสง-อ.มวกเหล็ก

Featured Image
“พีระพันธุ์” เร่งกรมที่ดินแก้ปัญหาที่ดิน“อ.พระแสง สุราษฎร์ฯ- อ. มวกเหล็ก สระบุรี”หลังชาวบ้านร้อง ขรก.ล่าช้าไม่ทำตามคำสั่งศาล-ให้ข้อมูลผิดพลาดจนเสียหายชี้ หากพบ”ขรก.” ทำประชาชนเดือดต้องรับผิดชอบทั้งแพ่ง-อาญา

 

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ปรึกษานายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยความเป็นธรรมและเร่งรัดการปฏิบัติราชการ เป็นประธานในการประชุมตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องที่ดิน 2 กรณี โดยมีตัวแทนจากกรมที่ดินมารายงานชี้แจงการดำเนินงาน ตามข้อร้องเรียนของประชาชน

 

สำหรับกรณีแรกเป็นการตรวจสอบข้อเท็จจริง จากประชาชนชุมชนสันติพัฒนา ต.บางสวรรค์ อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี ได้ ร้องเรียนโดยขอให้เร่งรัดกรมที่ดินดำเนินการตามคำสั่งศาลปกครอง หลังจากยื่นฟ้องกรมที่ดิน อธิบดีกรมที่ดิน คณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน กรมป่าไม้ ในข้อกล่าวหาเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี สาขาพระแสง และบริษัทเอกชน ร่วมกันออกเอกสารสิทธิให้บริษัทเอกชนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้ชาวบ้านในชุมชนไม่สามารถใช้ประโยชน์สาธารณะในพื้นที่ได้

 

ทั้งนี้ จากการสอบถามข้อมูลพบว่าในการดำเนินการของกรมที่ดิน ตั้งแต่ขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการฯ 5 คน ยังไม่เป็นที่สิ้นสุด เนื่องจากยังไม่ได้ส่งเรื่องต่อเพื่อให้รองอธิบดีฯ ผู้รับผิดชอบในขณะนั้นลงนามรับรองผลการพิจารณา จึงต้องถือว่าผลการประชุมไม่สิ้นสุด และไม่เป็นไปตามระเบียบ จึงยังค้านความเห็นของคณะกรรมการฯ ไม่ได้ แต่ภายหลังศาลปกครองมีคำพิพากษา กรมที่ดินกลับนำผลการประชุมของคณะกรรมการมาเป็นเหตุผลในการยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครอง ซึ่งเป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้อง จึงได้สั่งการให้กรมที่ดินกลับไปรวบรวมรายละเอียดและเอกสารเกี่ยวกับการดำเนินการทั้งหมดเพื่อนำมาตรวจสอบอีกครั้ง ซึ่งหากพบว่ามีการกระทำผิด และขั้นตอนไม่ถูกต้อง จะได้ดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ผู้กระทำผิดให้เป็นไปตามกฎหมาย และแก้ไขปัญหาที่ดินดังกล่าวให้กับประชาชน

 

ส่วนกรณีที่สอง เป็นการร้องเรียนของผู้ร้องซึ่งเป็นภาคเอกชน โดยได้ยื่นเรื่องฟ้องต่อศาลปกครอง และศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ กรณีถูกกรมที่ดินเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินใน อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ซึ่งได้ซื้อจากเจ้าของเดิมมาตั้งแต่ปี 2553 ผู้ร้องระบุว่าก่อนซื้อที่ดินดังกล่าว

 

ได้ทำการตรวจสอบความถูกต้อง ด้วยการสอบจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้วว่าที่ดินแปลงดังกล่าวสามารถซื้อขายได้หรือไม่ ซึ่งได้รับคำตอบจากทุกหน่วยงานยืนยันว่าเป็นที่ดินที่ถูกต้อง และสามารถซื้อขายได้ จึงได้ตัดสินใจซื้อที่ดินดังกล่าว อีกทั้งไม่เคยได้รับแจ้งจากทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า เป็นเอกสารสิทธิที่มิชอบ ต่อมาราวปี 2559 จึงได้ดำเนินการขออนุญาตจัดสรรเพื่อทำธุรกิจบนที่ดินแปลงดังกล่าว แต่กลับได้รับแจ้งจากหน่วยงานราชการว่า เอกสารสิทธิที่ถืออยู่ออกโดยมิชอบ และถูกเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ในปี 2560 ซึ่งผู้ร้องได้พยายามตรวจสอบข้อเท็จจริงในรายละเอียดแนวเขตที่ดินต่างๆ เพื่อโต้แย้งและได้ทำหนังสือต่อกรมที่ดิน เพื่อขอให้พิจารณายกเลิกการเพิกถอน แต่กลับไม่ได้รับการพิจารณาแต่อย่างใด ทำให้เกิดความเดือดร้อนเสียหาย จึงได้มาร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากนายพีระพันธุ์ ประธานคณะกรรมการอำนวยความเป็นธรรมและเร่งรัดการปฏิบัติราชการ เพื่อให้ตรวจสอบกรณีดังกล่าว

 

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบกรณีนี้เกิดจากความไม่ชัดเจนของการกั้นแนวเขตป่าไม้ตามแผนที่ดาวเทียม ที่มีความละเอียดที่แตกต่างกันระหว่างในอดีตกับปัจจุบัน จนกลายเป็นปัญหาเรื่องแนวเขตที่ดิน ดังนั้นสิ่งที่ต้องตรวจสอบให้ความเป็นธรรม คือการที่ผู้ร้องได้ที่ดินดังกล่าวมานั้นเป็นการดำเนินการโดยสุจริตใจและเชื่อถือในหน่วยงานของรัฐ เพราะได้มีการตรวจสอบแล้วและต่อมาเกิดปัญหา แม้หน่วยงานที่ดินจะพบว่าเป็นที่ดินที่อยู่ในเขตป่า แต่กลับไม่แจ้งให้ผู้ร้องรับทราบเพื่อแก้ไขปัญหา เมื่อผู้ร้องดำเนินการขอจัดสรรที่ดินเพื่อทำประโยชน์ จึงทราบภายหลังทำให้เกิดความเดือดร้อนและเสียหาย

 

ดังนั้น นายพีระพันธุ์ จึงขอให้กรมที่ดินกลับไปตรวจสอบลำดับช่วงเวลา ข้อมูล และรายละเอียดขั้นตอนต่างๆ ให้ชัดเจนตามข้อโต้แย้ง รวมทั้งเอกสารที่ผู้ร้องได้ส่งเพิ่มเติม เพื่อทำให้ข้อเท็จจริงปรากฎ

 

ถ้าข้อเท็จจริงจบว่าผิด ก็ต้องว่ากันไปตามผิดและต้องดำเนินการเพิกถอน แต่ความเสียหายของเจ้าของที่เกิดขึ้น หากเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ หน่วยงานของรัฐที่ทำให้ผู้ร้องหลงเชื่อหน่วยงานของรัฐ ก็ต้องรับผิดชอบชดเชยให้เขา ซึ่งถ้าเป็นความบกพร่องประมาทเลินเล่อของระบบราชการ หน่วยงานต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ก็ต้องรับผิดชอบ แต่ถ้าเป็นความผิดพลาดจงใจกลั่นแกล้ง

 

นอกจากนี้ นายพีระพันธุ์ ยังกล่าวอีกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจากการร้องเรียนของ 2 กรณีนี้ เป็นความเดือดร้อนที่ประชาชนได้รับจากการดำเนินการจากภาครัฐ โดยเฉพาะการที่ข้าราชการปฏิบัติงานไม่ถูกต้อง ซึ่งส่วนใหญ่เกิดเพราะ 1. การลุแก่อำนาจ 2. การอาศัยความไม่รู้กฎหมายของประชาชน ซึ่งไม่รู้ว่าสิทธิอะไรที่ทำได้ตามกฎหมายบ้าง และ 3. เมื่อเกิดปัญหาแล้ว ประชาชนไม่ต้องการให้เกิดปัญหาระยะยาวจึงปล่อยผ่าน หรือกรณีผู้ที่ต้องการต่อสู้ก็ไม่รู้จะพึ่งใคร ได้แต่สู้ไปตามกำลังที่ตัวเองทำได้สุดท้ายก็หมดแรง

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube