fbpx
Home
|
ข่าว

“ศิริกัญญา” ขอปรับลดงบฯ3หมื่นล้านอัดรบ.ขาดประสิทธิภาพ

Featured Image

 

 

 

 

“ศิริกัญญา”อภิปรายขอปรับลดงบฯ3 หมื่นล้าน ชี้มีการอนุมัติใช้ไปพลางแล้วเกิน 50% อัดรัฐบาลขาดประสิทธิภาพ ออกนโยบายที่กระทบกับรายได้

 

 

 

 

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระการพิจารณางบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2567 วาระที่ 2 และ 3 นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส. บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการที่สงวนความเห็น ในมาตรา 4 งบรวม ขออภิปรายปรับลดงบประมาณรวม 2567 จำนวน 3 หมื่นล้านบาท ให้เหลือ 3.45 ล้านล้านบาท จาก 3.48 ล้านล้านบาท

 

โดยนางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า งบ 67 มีการอนุมัติไปพลางก่อนแล้วโดยผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า จำนวน 1.8 ล้านล้านบาท ส่วนที่เหลือที่สภาสามารถพิจารณาได้จริง มีเพียง 1.68 ล้านล้านบาท ซึ่งไม่ถึงครึ่งหนึ่งของงบประมาณทั้งหมด หากล่าช้าก็ไม่ใช่เป็นเพราะสภาฯ พร้อมชี้ให้เห็นว่า การเบิกจ่ายงบล่าช้านั้น เป็นเพราะรัฐบาลขาดประสิทธิภาพในการเบิกจ่ายงบประมาณ โดยเฉพาะงบรายจ่ายลงทุนที่ผ่านไป 6 เดือนแล้ว แต่เบิกจ่ายเพียง 55% นอกจากนี้ งบรายจ่ายประจำ ยังเบิกไปแค่ 79% ทั้งที่อยู่ในส่วนอนุมัติไปแล้ว

 

ถ้ารัฐบาลจะขาดประสิทธิภาพในการเบิกจ่ายงบประมาณขนาดนี้ เกือบ 6 เดือนเบิกรายจ่ายลงทุนไปได้แค่ 55% ก็ไม่สมควรที่จะนำงบไปใช้ทั้ง 3.48 ล้านล้านบาท

 

ทั้งนี้ รัฐบาลประมาณการรายได้ผิดพลาด เนื่องจากหลังจากการประมาณการแล้ว รัฐบาลได้ออกนโยบายที่กระทบกับรายได้ของรัฐบาลหลายส่วน เช่น จะไม่มีการเก็บภาษีการขายหุ้น งดการนำส่งรายได้ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟฝ.) ลดภาษีสรรพสามิต จำนวน 6 หมื่นล้านบาท อีกทั้ง ยังมีการจัดเก็บรายได้ที่ลดลง เนื่องจากเศรษฐกิจโตช้ากว่าตอนทำงบประมาณ

 

ขณะเดียวกัน ตอนทำงบประมาณ ปี 67 คาดการณ์ว่า จะโต 5% ต่อปี แต่ล่าสุดของสภาพัฒน์ฯ ที่ได้มีการประมาณการณ์ GDP ของปี 67 น่าจะตกแค่ 4% ไม่รวมเงินเฟ้อ เท่ากับหายไปแล้ว 1% ตนจึงไปคำนวณมาแล้ว รายได้ที่หายไปประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ดังนั้น มีความเสี่ยงที่ประมาณการณ์รายได้น่าจะสูงเกินความเป็นจริง

 

นางสาวศิริกัญญา ระบุว่า เราสามารถที่จะกู้เต็มเพดานได้ 790,656 ล้านบาทเท่านั้น ปัญหาในวันนี้ มีการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล 693,000 ล้านบาท หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถจัดเก็บรายได้ตามเป้าหมาย เท่ากับเราสามารถกู้เพิ่มได้อีกแค่ 97,656 ล้านบาท ไม่ถึงแสนล้านบาท

 

ดังนั้น ใครของบก่อนได้ก่อน ไม่ควรจะต้องเกิดเหตุการณ์ที่ให้หน่วยงานไหนที่ทำ โครงการก่อนได้งบประมาณก่อน หน่วยงานไหนทำงบประมาณทีหลัง ได้งบประมาณทีหลังแบบนี้เกิดขึ้น คิดว่าเราต้องมาจัดลำดับความสำคัญใหม่ ช่วยทำให้สถานะทางการคลังของประเทศไม่สะดุดลงและมีปัญหา

 

อย่างไรก็ตาม ในชั้นกรรมาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอตัดงบไม่จำเป็น เช่น งบประชาสัมพันธ์ ฝึกอบรมดูงาน ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศ ค่าใช้จ่ายในการเช่ายานพาหนะ และลดการบรรจุอัตรากำลังใหม่ แต่ตนงงอยู่ เนื่องจากหน่วยรับงบประมาณส่งคำขอเสร็จตั้งแต่วันที่ 2 ก.พ. 2567 แต่นายกรัฐมนตรีเพิ่งทราบว่าจะต้องตัดงบในส่วนนี้ แล้วมาสั่งการไว้วันที่ 3 มี.ค. 2567

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube