fbpx
Home
|
อาชญากรรม

บุกค้น 41 จุด ลอบใช้ไฟฟ้ารัฐ ขุดบิตคอยน์

Featured Image
ดีเอสไอ สนธิกำลังเข้าตรวจค้น 41 จุด ลักใช้ไฟรัฐทำเมืองขุดเงินดิจิตอลสูญกว่า 500 ล้านบาท นำอุปกรณ์เข้าจากจีน

 

 

 

นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นำกำลังเจ้าหน้าที่ดีเอสไอพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กรมศุลกากร การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เปิดปฏิบัติการ “Electrical Shock” เข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์ต้องสงสัยลักกระแสไฟฟ้า เพื่อใช้เป็นจุดทำเหมืองขุดเงินดิจิทัล จำนวน 41 จุด แบ่งเป็นในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี 39 จุด และกรุงเทพมหานคร 2 จุดย่านประชาชื่น ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ปีละกว่า 500 ล้านบาท

 

โดยเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เข้าตรวจค้นอาคารจำนวน 3 หลัง 1ใน 41 จุด ซึ่งตั้งอยู่ติดกัน ภายในซอยสามัคคี 28 ตำบลท่าทราย อำเภอเมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี โดยเจ้าของอาคารได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่พาเข้าตรวจค้น พบมีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ที่ใช้สำหรับขุดเงินสกุลดิจิทัล จำนวนมาก และมีจุดสังเกตที่บริเวณชั้น 2 และชั้น 3 ของอาคาร จะมีการดัดแปลงช่องระบายความร้อนและเปิดหน้าต่าง

 

ลักษณะคล้ายห้องอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับขุดสกุลเงินดิจิทัล แล้วยังพบว่ามีการต่อเติมฝ้าเพดาน ปกปิดบริเวณสายไฟที่ต่อเข้ากับอาคารเอาไว้ จึงประสานเจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวงเข้าตรวจสอบ พบว่ามีการต่อสายไฟเข้าอาคารโดยตรงไม่ผ่านหม้อแปลง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้ และหลังจากนี้จะทำหนังสือยื่นให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ เอาผิดฐานละเมิดทรัพย์สินของการไฟฟ้าต่อไป

นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เผยว่า การเข้าตรวจสอบในครั้งนี้เนื่องจากพบว่า มีบริษัทขุดสกุลดิจิทัล หรือคริปโต โกงค่าไฟฟ้า โดยใช้อาคารบ้านพักเป็นแหล่งปฏิบัติการ จำนวน 41 จุด จากการลงพื้นที่สืบสวนเพิ่มเติมตรวจพบเพิ่มเกือบ 10 จุด รวมแล้ว 50 จุด โดยจุดแรกที่เข้าตรวจค้นในวันนี้เป็นจุดสำคัญเนื่องจากเป็นจุดที่มีผู้ดูแลถือกุญแจ ในจุดต่าง ๆ ที่จะเข้าตรวจค้นในวันนี้

 

 

ซึ่งแต่ละอาคารจะมีเครื่องขุดบิตคอยน์ จำนวนกว่า 30 เครื่อง ซึ่งปกติจะต้องเสียค่าไฟขั้นต่ำเดือนละไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นบาท แต่กลับพบว่าอาคารแห่งนี้เสียค่าไฟแค่เดือนละ 300 บาท โดยลักลอบทำมานานกว่า 1 ปี หากรวมทั้งหมด 50 จุดมีจำนวนคอมพิวเตอร์มากกว่า 3,000 เครื่อง ซึ่งหากเป็นการลักลอบใช้ไฟทั้งหมด ทำให้รัฐได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่าเจ้าของมีชื่อเป็นคนไทย และจะขยายผลเพิ่มเติมถึงนายทุนคนอื่นๆ เพิ่มเติม หากพบว่ามีความเกี่ยวข้องกับนายทุนต่างชาติหรือมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องก็จะติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

 

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจค้นในครั้งนี้เบื้องต้นยังไม่สามารถสรุปความเสียหายได้ทั้งหมด แต่ที่สามารถดำเนินคดีได้คือข้อหาลักทรัพย์ โดยเป็นการขโมยใช้ไฟฟ้าของรัฐ ต้องถูกดำเนินทั้งคดีแพ่งและอาญา ส่วนข้อหาอื่นจะต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติม และจะแถลงข่าวให้ทราบภายหลัง

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube