เลขาธิการ ป.ป.ส.นำกำลังเข้าขยายผลยึดอายัดบ้านหรู 21 ล้าน เครือข่ายซุกไอซ์เกือบ1ตันปลายทางไต้หวันปี 64 พบซื้อเงินสดมีชื่อลูกชายครอบครอง ประสานเพื่อนบ้านตามจับกุมตัว
นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ปปส.นำกำลังชุดปฎิบัติการพิเศษอินทรีย์ 19 เข้าปฎิบัติการตรวจยึดบ้านพักหรู มูลค่ากว่า 21 ล้านบาท ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เขตสะพานสูง ของนายสมปราชญ์ แซ่อึ้ง อายุ 53 ปี ผู้ต้องหาค้ายาเสพติดข้ามชาติ จากการขยายผลจตรวจยึดไอซ์ 945 กก.ซุกซ่อนในแผ่นซิลิโคนเตรียมส่งไปไต้หวันที่ท่าเรือกรุงเทพ เมื่อปลายปี 2564 ก่อนขยายผลจับกุมผู้ต้องหาอีก2ราย และให้ให้การซัดทอดว่า มีนายสมปราชญ์ เป็นผู้ว่าจ้างและสั่งการ โดยเปิดบริษันำเข้า-ส่งออกสินค้าบังหน้า
สำหรับบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านสไตล์โมเดิร์นบ้านภายนอกดูสวยงาม แต่ภายในบ้านยังไม่มีเฟอร์นิเจอร์แต่อย่างใดเป็นเพียงบ้านเปล่าที่นายสมปราชญ์ซื้อด้วยเงินสดราคา 21ล้านบาท เมื่อ 6 เดือนที่ผ่านมา โดยมีชื่อของลูกชายเป็นผู้ครอบครอง แต่เบื้องต้นไม่พบว่าลูกชายมีส่วนรู้เห็นกับการค้ายาเสพติด แต่เชื่อว่าพ่อร่ำรวยและมีเงินจากการทำธุรกิจจึงไม่ได้มีการดำเนินคดีกับลูกชาย
ส่วนอีก2จุดเจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นคอนโดมิเนียมย่านห้วยขวางและนนทบุรี ซึ่งมีชื่อของนายสมปราชญ์เป็นผู้เช่า เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบสัญญาเช่าอีกครั้งว่าสามารถทำการยึดอายัดสิทธิ์ของผู้เช่าได้หรือไม่ โดยขณะนี้รวมทรัพย์สินที่ยึดอายัดไว้ของนายสมปราชญ์ ประมาณกว่า 50 ล้านบาทแล้ว ส่วนนายสมปราชญ์ ยังคงหลบหนีอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน ใกล้กับขบวนการค้ายาเสพติดด้วยกัน ซึ่งกำลังประสานเพื่อนบ้านในการตามจับกุมตัว พร้อมขยายผลถึงตัวการที่ใหญ่กว่านี้แน่นอน
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่าตามประมวลกฎหมายอาญาว่าด้วยกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ แม้ผู้ต้องหาจะมีการถ่ายโอนหรือซุกซ่อนทรัพย์สินให้ใครสามารถตามยึดอายัดได้หมดรวมถึงทรัพย์มรดกและกรณีคดีอาญาที่ศาลจะยกฟ้องผู้ต้องหาหลุดคดีแต่คดีทรัพย์ดำเนินต่อได้ โดยไม่ต้องคืนทรัพย์สินของกลางคืนผู้ต้แงหา ส่วนขั้นตอนการยึดอายัดทรัพย์สิน จะมีคณะอนุกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินก่อนเสนออัยการสั่งฟ้องและรอศาลตัดสินตกเป็นของกองทุน โดยใช้เวลาประมาณ 2 ปี เชื่อมั่นว่าทุกคดีที่ออกคำสั่งยึดอายัด เจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานกระทำชัดเจน พร้อมระบุว่า ในปี 2566 ตั้งเป้ายึดอายัดทรัพย์สินผู้ต้องหาคดียาเสพติดไว้ 1 แสนล้านบาทนั้นมีความเป็นไปได้ เพราะกฎหมายใหม่สามารถยึดทรัพย์สินต่างๆได้ครอบคลุมมากขึ้น
” มันจะเกิดช่องโหว่วไหมได้ทรัพย์สินมาโอนให้ลูกหลานแม้ยังไม่บรรลุนิติภาวะ / ประมวลกฎหมายฉบับใหม่ไม่ว่าจะซุกซ่อนหรือโอนให้ใครก็ตาม สามารถตามได้หมดเลย/หรือว่าเป็นทรัพย์อย่างนายสมปราชญ์ เปิดบริษัทบังหน้าอย่างงี้แต่ว่าเงินส่วนหนึ่งเนี่ยที่เขาทำถูกกฎหมายนะครับการส่งออกอาจจะทำถูกบ้างผิดบ้างได้เงินถูกกฎหมายมาเงินที่ถูกกฎหมายที่เขาทำโดยบริสุทธิ์ยึดไม่ได้เพราะไม่เกี่ยวกับยาเสพติดแต่ที่เกี่ยวกับยาเสพติดต้องยึด/แต่ในกฎหมายใหม่อย่างสมปราชญ์ค้ายาเสพมากี่ครั้งเราดูได้เลยว่าได้เงินจากยาเสพติดมาเท่าไหร่ /สมมุติว่าเขาได้มาจากยาเสพติด100ล้านบาท แต่เรายึดได้แค่50ล้าน แต่อีก50ล้าน เราสามารถไปยึดทรัพย์ที่เป็นทรัพย์ที่เป็นอาชีพสุจริตหรือว่าเป็นทรัพย์มรดกยึดมาได้หมดเลยเพื่อเอามาขายทอดตลาดทดแทนอีก50ล้านที่เสียไปมาให้ครบ100ล้านบาท ”
ส่วนกรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลืออาชญากรรม ยื่นหนังสือถึง นายกรัฐมนตรีให้ปลดตนเองพ้นจากตำแหน่งเพราะมองว่าล้มเหลวในการแก้ไขปัญหายาเสพติดนั้น ระบุว่า การแก้ไขปัญหายาเสพติดไม่ใช่ ป.ป.ส.ทำหน่วยงานเดียวแต่ ป.ป.ส เป็นหน่วยนโยบายที่จะกำหนดแผนโดยการบูรณาการร่วมกันกับหน่วยอื่น เช่น แผนการแก้ไขปัญหายาเสพติด ถ้าเป็นเด็กและเยาวชนก็จะเป็นกระทรวงศึกษาธิการ, แผนปราบปรามก็มีหน่วยงานที่ทำอยู่เช่น ทหารตำรวจ ปกครอง และ ป.ป.ส.ส่วน แผนยึดทรัพย์สินของ ป.ป.ส.รับผิดชอบโดยตรง ส่วนใหญ่ก็ได้มาจากการขยายผลจากการปราบปรามจับกุมซึ่งตนเองดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอน ไม่ให้เกิดความล่าช้า
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
